จากสาวน้อยที่มีความฝันอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง วันนี้ นัทธมน พิศาลกิจวนิช หรือ เฟิร์น กรรมการผู้จัดการ บริษัท บี เอ็น เอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป จำกัด (BNN) ผู้ก่อตั้งแบรนด์ “สุกี้ตี๋น้อย” มาไกลเกินฝัน
หลังใช้เวลาเพียง 8 ปี ปลุกปั้นธุรกิจร้านบุฟเฟต์สุกี้ “สุกี้ตี๋น้อย” ที่ลงแรงเองทั้งหมด จนสามารถสร้างยอดขายจากหลัก “ร้อยล้าน” เป็น “พันล้าน” และกำลังไต่ทะยานสู่ระดับ “หมื่นล้าน” ภายในปี 2569
จุดขายของ “สุกี้ตี๋น้อย” ที่ต่างจากบิ๊กแบรนด์ในตลาด นอกจาก ชูราคาอิ่มไม่อั้น 199 บาท (ปัจจุบัน 219 บาท) ที่ทานได้ตั้งแต่รากหญ้าไปจนถึงมนุษย์เงินเดือน นักธุรกิจแล้ว เรื่องของทำเลที่ตั้งร้านมีพื้นที่ขนาดใหญ่ พร้อมที่จอดรถ และเปิดบริการตั้งแต่เที่ยงวันถึงตี 5 ก็เป็นจุดขายสำคัญเช่นกัน
แม้ว่าระหว่างทางจะได้กลุ่มทุนใหญ่บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JMART เข้ามาร่วมถือหุ้น 30% มูลค่าลงทุน 1,200 ล้านบาท เสริมทัพแบรนด์จนแข็งแกร่ง แตกแขนงสาขาอย่างรวดเร็ว มีรายได้ทะยานหลาย 1,000 ล้านบาท แต่ถ้าไม่เกิดจากความพยายามของผู้ก่อตั้งแบรนด์ เมื่อ 8 ปีก่อน คงไม่มี “สุกี้ตี๋น้อย” ในวันนี้
“นัทธมน” เล่าว่า เริ่มต้นร้านสุกี้ตี๋น้อย ในปี 2561 ตอนอายุ 25 ปี ตอนนี้อายุ 33 ปี ทำมา 8 ปีแล้ว ที่ผ่านมาสุกี้ตี๋น้อยเติบโตไวมาก เกินฝันจริงๆ ที่เห็นคนมาซัพพอร์ตเรามากขนาดนี้ เราทำสุกี้ตี๋น้อย คือมองลูกค้าเป็นหลักมาตลอด
โดยเปิดสาขาแรกบ้านบางเขน เป็นจุดเริ่มต้นของสุกี้ตี๋น้อย แค่ห้องแถว 3 ห้อง มี 15 โต๊ะ ลูกค้าแทบไม่มีเลย เพราะคนไม่รู้จัก แต่เป็นจุดที่ทำให้ได้เรียนรู้การทำร้านอาหารจริงๆ ทั้งงานหลังบ้าน หน้าร้าน จัดซื้อวัตถุดิบ บริหารสต๊อก การบริหารพนักงาน ทำบัญชี รับออเดอร์ ตอนนั้นทำเอง แต่หลังๆ มีโอกาสมาตรงนี้น้อย เพราะสาขาเยอะมาก ต้องสร้างทีม สร้างแบ๊กออฟฟิศ เพื่อรองรับการขยายสาขา
นอกเหนือจากการพัฒนาร้าน มีพัฒนาอาหารมาหลายอย่าง แรกๆ มีน้ำซุปใสอย่างเดียว ตอนนี้มี 4 น้ำซุป น้ำจิ้ม ยังมีเนื้อออสเตรเลีย ชีส หมูคุโรบูตะที่เป็นเมนูโปรโมชั่นทุกวันนี้ ซึ่งคนไม่เคย เอาสุกี้ตี๋น้อยราคา 199 ในวันนั้น มาเป็นบรรทัดฐานในการเลือกเมนูอาหารในสุกี้ตี๋น้อยด้วยราคา 219 บาท ในวันนี้ เพราะถ้าคิด คงไม่มีวันเอาเนื้อออสเตรเลียเข้ามา
“เราคิดว่าเรากินอะไรอร่อยก็อยากให้ลูกค้าได้กินเลยต่อรอง ซัพพลายเออร์อยากได้ราคาเท่านี้ ต้องซื้อในปริมาณเท่าไหร่ อยากให้มันอร่อยจริงๆ สุกี้ตี๋น้อยต้องเป็นมากกว่าแม้ราคา 219 บาท ไม่ใช่มองว่าราคาเท่านี้ ได้อาหารแบบนี้ และบริการแค่แบบนี้ต้องคิดมุมกลับและบริหารตัวเอง เราพัฒนาเต็มที่ ตั้งแต่ต้น มีพัฒนาทีมขึ้นมาเรื่อยๆ หลายสาขาเริ่มรีโนเวตใหม่ นอกจากพัฒนาอาหาร บรรยากาศก็สำคัญ”
“นัทธมน” ยกตัวอย่างน้ำจิ้มที่ล่าสุดให้ลูกค้านำเข้ามาทานในร้านได้ วัตถุประสงค์คือ ทานแล้วอร่อย มีความสุข ถ้าได้กินน้ำจิ้ม กินอร่อย จะทำให้ลูกค้ามีความสุขในการรับประทาน
เพราะลูกค้าแต่ละคนชอบไม่เหมือนกัน มีหลายเสียงที่สะท้อนออกมา เปรี้ยวไป หวานไป ลูกค้าอร่อยแบบไหนก็ตามใจเลย นำน้ำจิ้มจากไหนมาก็ได้เลย เพื่อให้กินแล้วอร่อยที่สุด เดิมประกาศ 4 วัน ผลตอบรับดีมาก มีคนนำน้ำจิ้มมาหลายยี่ห้อ เลยเพิ่มวันถึงปลายเดือนกรกฎาคมนี้
ท่ามกลางวงล้อมร้านอาหารสารพัดแบรนด์ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด สมรภูมิรบแข่งขันที่ดุเดือด “นัทธมน” ระบุว่า รายได้ของสุกี้ตี๋น้อยยังเติบโตต่อเนื่อง ถึงสิ้นปี 2568 นี้ สุกี้ตี๋น้อยจะมีรายได้ประมาณ 9,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ที่มีรายได้กว่า 7,000 ล้านบาท และเป้าหมายต่อไปอยากให้ถึง 10,000 ล้านบาทในปี 2569 ซึ่งเป็นความท้าทาย แม้จะไม่ง่ายเลยก็ตาม ปัจจัยหลักที่ทำให้รายได้โตขึ้น มาจากการขยายสาขา เพิ่มเมนูอาหารที่ทำให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการมากขึ้น
ขณะที่แผนธุรกิจในครึ่งหลังของปี 2568 เตรียมรีโนเวตสาขาเดิมอีกหลายสาขา ทั้งกรุงเทพฯและต่างจังหวัด รวมถึงเปิดตัว “Tn Lounge” เป็นเลานจ์ที่บรรยากาศตกแต่งเหมือนอยู่ในเลานจ์สนามบิน มีขนม เครื่องดื่ม พร้อมจอแสดงคิว เพื่อแก้ Pain Point การรอคิวนานของลูกค้า ประเดิม 4 สาขาที่บ้านบางเขน ศรีนครินทร์ ลำลูกกาและชลบุรี
ยังมีแผนเปิดตัว Member Card ใหม่ เพื่อเพิ่มฐานสมาชิกจากปัจจุบันมีอยู่กว่า 700,000 คน จากสถิติพบว่าใน 1 คน มาทานสุกี้ตี๋น้อย เดือนละ 4-5 ครั้ง โดยเราจะมีสิทธิประโยชน์มอบให้ลูกค้า ขณะที่สมาชิกเดิมจะไม่เสียสิทธิ จะถูกโอนย้ายมายังบัตรใหม่จะประกาศปลายปีนี้ ซึ่งบัตรใหม่จะแบ่งเป็น 4 ระดับ
1.Tn Fanmily Member (บัตรสีแดง) สมัครได้ฟรี ยังไม่มีสิทธิพิเศษ 2.Tn Family Silver (บัตรสีเงิน) ทานครบ 60 ครั้ง ใน 1 ปี ได้สิทธิทานฟรี 1 ครั้งในเดือนเกิด พร้อมผู้ติดตาม 1 คน และจองโต๊ะในเดือนเกิดได้ 3.Tn Family Gold (บัตรสีทอง) ทานครบ 90 ครั้งใน 1 ปี ได้สิทธิทานฟรี 1 ครั้งในเดือนเกิด พร้อมผู้ติดตาม 2-3 คน มีระบบจองโต๊ะและใช้ Tn Lounge ได้แบบไม่จำกัด และ 4.Tn Family Platinum ยังไม่มีรายละเอียด
“ฐานสมาชิกเรา 7 แสนกว่าคน เยอะมาก Pain Point คือใช้งานยาก สิทธิพิเศษอาจไม่ชัดเจนสำหรับลูกค้า เลยทำระบบใหม่ ให้ใช้งานง่ายมากขึ้น มีเทียร์ชัดเจน ส่วนสิทธิพิเศษจะร่วมพันธมิตรมากขึ้น ล่าสุดร่วมกับพีที ให้ส่วนลดกาแฟพันธุ์ไทยและน้ำมัน ไม่ใช่มีแค่เท่านี้ ยังมีอีกหลายสถานที่จะให้ส่วนลด จะประกาศพันธมิตรเรื่อยๆ หรือร้านค้าสนใจ เราก็สามารถช่วยได้ เพราะประเทศไทยใหญ่มาก อยากให้ทุกคนโตไปด้วยกัน” นัทธมนกล่าว
สำหรับแผนการขยายสาขา “นัทธมน” ระบุ ปัจจุบันสุกี้ตี๋น้อยมี 86 สาขา และตี๋น้อยบาร์บีคิว 4 สาขา ยังมีแผนขยายสาขาต่อเนื่องทั่วประเทศ โดยเน้นขยายสาขาต่างจังหวัดมากขึ้น ปี 2567 เปิด 24 สาขา
ปี 2568 เปิด 21 สาขา ครึ่งปีแรกเปิดแล้ว 11 สาขา เป็นสุกี้ตี๋น้อย 8 สาขา ตี๋น้อยบาร์บีคิว 3 สาขา ครึ่งปีหลังเปิดอีก 10 สาขา เป็นสุกี้ตี๋น้อย 5 สาขา ตี๋น้อยบาร์บีคิว 5 สาขา และปี 2569 ตั้งเป้าเปิด 32 สาขา สูงสุดที่เคยทำมา ถ้าใครมีพื้นที่อยากจะเสนอก็เสนอได้ เราจะไปอีกเยอะมาก และมีแผนอีกไกลมาก ไม่ใช่แค่แบรนด์สุกี้ตี๋น้อย และตี๋น้อยบาร์บีคิว ปลายปีนี้จะเปิดอีกแบรนด์ ซึ่งจะเซอร์ไพรส์มากๆ และยังยืนยันคำเดิมเป็นแบรนด์ที่ “คุ้มค่า” ราคาแน่นอน
“สะท้อนจากที่เราจัดโปรโมชั่นฉลองครบ 1 ล้านผู้ติดตาม จากราคา 219 บาท เหลือ 199 บาท ผลการตอบรับดีมากๆ ยอดขายขึ้นเยอะมาก อย่าพูดถึงกำไรเพราะไม่สวยเท่าไหร่ แต่มีจำนวนลูกค้าเข้ามาใช้บริการเยอะมาก (เน้นเสียง) ทุกสาขารวมกันเฉลี่ยวันละ 1.2 แสนคน ซึ่งเพิ่มความถี่ให้ลูกค้าเข้ามาทานมากขึ้น” นัทธมนกล่าว
ยังกล่าวย้ำด้วยว่า แม้สุกี้ตี๋น้อยจะเติบโตต่อเนื่อง แต่ยังไม่มีแผนจะนำสุกี้ตี๋น้อยเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เนื่องจากมองว่ายังไม่ตอบโจทย์สุกี้ตี๋น้อยที่มีเป้าหมายต้องการให้ธุรกิจยั่งยืน อย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรกนั่นเอง