สธ. รับข้อเสนอ ‘ม็อบกัญชา’ จับเข่าคุยหาทางออกวิกฤตสายเขียว
GH News July 17, 2025 09:30 AM

เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล เลขาธิการเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย พร้อมด้วยประชาชนผู้สนับสนุนประมาณ 40-50 คน ได้เดินทางมายังสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เพื่อทวงถามคำตอบต่อข้อเรียกร้องที่ได้มายื่นในวันที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยมี นายธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้รับเรื่อง

นายประสิทธิชัย กล่าวว่า เมื่อเราไม่มีกฎหมายที่เป็นแม่บทเฉพาะของกัญชา ทำให้ต้องไปอาศัยกฎหมายอื่น เพื่อให้กัญชามีที่อยู่ ซึ่งปัจจุบันเราใช้พระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ.2542 ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการแพทย์แผนไทย ไม่ใช่เพื่อกัญชาโดยเฉพาะ จึงต้องไปยืมมาตราอื่นมาใช้ควบคุม ออกมาเป็นประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องสมุนไพรควบคุม (กัญชา) โดยที่ผ่านมามีการออกประกาศสมุนไพรควบคุม (กัญชา) มาแล้ว 2 ฉบับ คือ ฉบับที่ออกโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล อดีตรมว.สาธารณสุข และ ฉบับที่ออกโดย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ซึ่งทางเครือข่ายฯ ได้ทำร่างประกาศสมุนไพรควบคุม (กัญชา) มาเสนอในวันนี้ ซึ่งทั้ง 3 ฉบับมีเป้าหมายเดียวกันคือ 1.การควบคุมการผลิต จำหน่ายและส่งออกกัญชา ต้องมีใบอนุญาตเท่านั้น และ 2.กำหนดระบบรายงานการจำหน่าย

นายประสิทธิ์ชัย กล่าวว่า ส่วนเป้าหมายที่ต่างกันคือ การควบคุมมาตรฐานการปลูก โดยประกาศสมุนไพรควบคุม ฉบับล่าสุดของนายสมศักดิ์ มีการกำหนดมาตรฐานการปลูกกัญชาด้วย GACP ซึ่งไม่มีข้อกำหนดนี้ในประกาศฉบับของนายอนุทิน เป็นเสรีภาพของนักปลูก และร่างประกาศฯ ที่ทางเครือข่ายฯ เสนอให้การกำหนดมาตรฐานใดๆ ต้องกำหนดจากคณะกรรมการร่วม เพื่อให้เหมาะสมกับการปลูกจริง ให้คนปลูกไม่เป็นมากำหนดก็ผิดเพี้ยนไปหมด ทั้งนี้ มาตรฐาน GACP มีความซับซ้อน เป็นภาระค่าใช้จ่าย และเป็นเส้นทางในการเรียกรับผลประโยชน์ ตอนนี้ราคาใบอนุญาตเหยียบ 5 แสนบาท และเมื่อได้ใบมาแล้วก็ไม่ได้การันตีว่า กัญชานี้จะปลอดภัย เพราะคนที่ได้ใบมาแล้ว ก็สามารถพลิกเปลี่ยนวิธีการปลูกได้หมด อย่างไรก็ตาม เครือข่ายฯ จึงเสนอว่า เพื่อให้เกิดความปลอดภัย ขอให้การกำหนดมาตรฐานช่อดอกกัญชา เป็นการตรวจสารปนเปื้อนก่อนเข้าสู่กลไกการจำหน่าย แทนการกำหนดมาตรฐาน GACP

“คนจะกำหนดมาตรฐานการปลูกกัญชา ต้องรู้ว่าปลูกอย่างไร ให้คนปลูกไม่เป็นมากำหนดมาตรฐานก็ผิดเพี้ยนหมด แล้วสังคมนี้ก็ชอบที่จะเป็นแบบนี้ ขอเพียงมีชื่อหมอมา ทุกอย่างถูกต้องหมด เพราะหมอเป็นกลุ่มคนที่น่าเชื่อถือในสังคมไทย พอพูดว่ากัญชาทางการแพทย์ ปลอดภัยหมดเลย ทั้งที่เมื่อ 3 เดือนก่อนยังเป็นซาตานอยู่เลย แต่พอผ่านกลไก GACP แล้วกลายเป็นเทวดาทันที ทั้งที่เป็นกัญชาต้นเดียวกัน” นายประสิทธิ์ชัย กล่าว

โดย นายธนกฤต กล่าวว่า ตนเข้าใจทุกปัญหาของทุกฝ่าย เข้าใจในการขายกัญชา แต่หลังจากนี้ขอให้ฝ่ายที่มายื่นข้อเสนอ ส่งผู้แทนมาร่วมหารือกับกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก นั่งคุยกันในทุกเรื่อง ทุกมิติ ว่ามีปัญหาตรงไหน จะแก้อย่างไรให้เหมาะสม อันไหนทำได้ หรือทำไม่ได้ คุยได้ทุกเรื่อง จากนั้น อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยฯ จะทำรายงานสรุปมาที่ตน เพื่อนำเรื่องเสนอต่อท่าน รมว.สาธารณสุข ให้พิจารณาต่อไป ดังนั้น ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ก็ขอให้มาคุยกันก่อน แต่ไม่ถึงการตั้งเป็นคณะกรรมการร่วม

ด้าน นายสมศักดิ์ กรีชัย รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า เราต้องใช้กลไกการนั่งคุย และคุยเป็นเรื่องๆ ทั้งการอบรม ที่อาจมองว่าถูกหรือไม่ถูก ถ้าคุยกันเข้าใจจะนำสู่การพิจารณาว่าจะแก้ไขประกาศหรือไม่ เบื้องต้นเครือข่ายต้องไปรวบรวมข้อมูลก่อน

ขณะที่ นายประสิทธิ์ชัย กล่าวว่า ตอบแบบนี้จะได้ชัด แต่ประเด็นสำคัญคือ ระหว่างที่มีการพูดคุย ปกติที่มีการพูดคุยเจรจา เช่นที่ทำเนียบรัฐบาล มีประเพณีอย่างหนึ่งว่า ตราบใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งระหว่างประชาชนกับรัฐ และข้อขัดแย้งนั้นก็ให้เกิดความเสียหายแล้ว รัฐจะต้องหยุดมาตรการเหล่านั้นในการบังคับใช้ไว้ก่อนเพื่อมาคุยกันก่อน แต่ที่คุณทำคือ อบรมมั่วไปหมด และเกิดความเสียหายแล้ว เกิดการฟ้องร้องแล้วในหลายจังหวัด พวกคุณได้เดินวิ่งขึ้นศาลกันสนุกแน่ ดังนั้นเพื่อไม่ให้ความเสียหายไปมากกว่านี้ ตามหลักสากลคือต้องชะลอ การดำเนินการใดๆ ตามประกาศกระทรวง จนกว่าการหารือจะมีข้อยุติ

นายประสิทธิ์ชัย กล่าวอ่านแถลงการณ์ว่า เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยมีเจตนารมณ์อย่างแน่วแน่ในการทำให้กระบวนการกำหนดนโยบายกัญชาดำเนินการไปด้วยกระบวนการที่ถูกต้องใช้ข้อเท็จจริงในการกำหนดนโยบาย และจะปฏิบัติการต่อเนื่องจนรัฐบาลยอมนำข้อเท็จจริงมากำหนดมาตรการ เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยขอประกาศปฏิบัติในเดือนนี้ 3 ประการดังนี้ 1.การยื่นฟ้อง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน และคณะ ต่อคณะกรรมการปราบปราบการทุจริตแห่งชาติหรือ ปปช. เนื่องจากการออกนโยบายที่นำสู่การทุจริตในหลายมิติ เช่น ก่อให้เกิดการเรียกรับผลประโยชน์จากการออกใบ GACP หรือ ผลกระทบต่อเนื่องที่นำไปสู่การทุจริตด้านอื่นและก่อความไร้ประสิทธิภาพในการคุ้มครองผู้บริโภค

นายประสิทธิ์ชัย กล่าวว่า 2.การยื่นถอดถอนรัฐมนตรี สมศักดิ์ เทพสุทิน ต่อนายกรัฐมนตรี เนื่องจากการออกนโยบายเอื้อกลุ่มทุน และ 3.จับโกหก กลุ่มหมอและนักวิชาการที่ออกมาโฆษณาใส่ร้ายกัญชา เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาจะเปิดโปงการกระทำทุจริตข้อมูลของกลุ่มหมอและนักวิชาการที่ใส่ร้ายกัญชา เราเชื่อว่าตัวเลขที่นำมาแสดงเป็นของปลอมทั้งนี้สามารถพิจารณาได้จากการเก็บข้อมูล การวิเคราะห์ และการเลือกนำเสนอข้อมูลต่อสื่อ ทำให้ประชาชนเข้าใจผิด ซึ่งนำไปสู่การเอื้อประโยชน์ต่อการกำหนดกติกาการผูกขาดกัญชา โดยปฏิบัติการทั้ง 3 ประการจะดำเนินการภายในเดือนกรกฎาคมนี้และจะแจ้งให้สื่อมวลชนและประชาชนทราบต่อไป

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.