วันที่ 18 ก.ค.68 เทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เทพไท คุยการเมือง ระบุว่า...

ถ้าไม่ตอบโจทย์ ไม่ต้องนิรโทษกรรม

เมื่อวานนี้(16 กรกฎาคม 2568) มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวกับการนิรโทษกรรม จำนวน 5 ฉบับ มติของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้ผ่านร่าง พรบ.เพียง 3 ฉบับ คือรับหลักการร่างราชบัญญัติของพรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคกล้าธรรม พรรคภูมิใจไทย และมีมติไม่รับหลักการในร่างพรบ.ของพรรคก้าวไกล และฉบับภาคประชาชน ซึ่งเป็นไปตามที่หลายฝ่าย คาดการณ์เอาไว้ว่า มติของพรรคร่วมรัฐบาล จะไม่รับร่างพรบ.นิรโทษกรรม ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการนิรโทษกรรมแก่ผู้กระทำผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ด้วย

ส่วนตัวผมไม่ได้มีส่วนได้เสียกับร่างพรบ.นิรโทษกรรมใดๆ ไม่ว่าเป็นร่างพรบ.ฉบับไหนก็ตาม แต่ในฐานะที่เป็นผู้สังเกตการณ์ทางการเมือง อยากจะตั้งคำถามว่า สภาผู้แทนราษฎรออกพรบ.นิรโทษกรรมเพื่ออะไร มีวัตถุประสงค์อะไร และมีเจตนารมณ์ในการออกพรบ.นิรโทษกรรมอย่างไร ถ้าตอบว่า เหตุผลของการออกพรบ.นิรโทษกรรม เพื่อความปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติ คนที่ต้องคดีความเกี่ยวกับคดีทางการเมือง จะได้รับการนิรโทษกรรมทั้งหมด

ถ้าโจทย์ของการออกพรบ.นิรโทษกรรม คือความปรองดองความสามัคคีของคนในชาติ จะต้องนิรโทษกรรมให้กับผู้กระทำผิดทางการเมืองทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย ทุกคน โดยไม่เลือกปฏิบัติ ถ้ามีการเลือกปฏิบัติเกิดขึ้น โดยต้องการนิรโทษกรรมให้กับบุคคลบางกลุ่ม แต่ไม่มีการนิรโทษกรรมให้กับบุคคลอีกบางกลุ่ม ก็ย่อมเกิดความไม่พอใจเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพราะไม่มีความเท่าเทียมกัน และไม่มีความเสมอภาคในการนิรโทษกรรม คนที่ได้รับการนิรโทษกรรมย่อมดีใจ ย่อมพึงพอใจเป็นธรรมดา คนที่ไม่ได้รับการนิรโทษกรรมย่อมไม่พอใจ ไม่มีความสบายใจ และจะเสียใจ จนนำมาซึ่งการเคลื่อนไหวต่อต้านอย่างไม่รู้จักจบสิ้น

ถ้าการนิรโทษกรรมไม่ตอบโจทย์ เรื่องความสามัคคี ความปรองดองของคนในชาติ ก็ไม่ควรออกพรบ.นิรโทษกรรมให้กับกลุ่มใดๆทั้งสิ้น ผู้กระทำผิดทุกคนต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งอันนี้จะเป็นการตอบโจทย์ของสังคม และจะเกิดความเป็นธรรมมากที่สุด

ผมเห็นว่าถ้าหากการนิรโทษกรรมไม่เกิดความปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติ ก็ไม่ควรออกพรบ.นิรโทษกรรมให้กับกลุ่มใดๆทั้งสิ้น