ภูมิธรรม เผย สมเด็จพระสังฆราช ทรงประทานพรและมีรับสั่ง ให้จัดการปัญหาในวงการสงฆ์อย่างเต็มที่ หากผิดปาราชิกต้องดำเนินการตามวินัย
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 17 กรกฎาคม 2568 เว็บไซต์ข่าว 3Plus NEWS รายงานว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราช ว่าทรงมีรับสั่งให้จัดการปัญหาที่เกิดขึ้นในวงการสงฆ์อย่างเต็มที่ และทรงเห็นพ้องให้มีการ “สังคายนา” หรือทบทวนกฎหมายคณะสงฆ์ให้มีความเข้มงวดยิ่งขึ้น
เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (17 ก.ค. 68) ภายหลังการเข้าเฝ้าถวายเครื่องสักการะเนื่องในเทศกาลเข้าพรรษา ประจำปี 2568 แด่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก และสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ณ วัดราชบพิธสถิตมหาเสมารามราชวรวิหาร นายภูมิธรรมได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงประเด็นดังกล่าว
นายภูมิธรรมระบุว่า สมเด็จพระสังฆราชทรงประทานพรและมีรับสั่งให้มุ่งมั่นทำงานอย่างเต็มที่ โดยท่านต้องการเห็นความร่วมมือของทุกฝ่ายเพื่อธำรงไว้ซึ่งพระพุทธศาสนา “ท่านบอกว่า ให้จัดการได้เต็มที่ หากผิดปาราชิกก็ต้องทำไปตามวินัยที่มีอยู่” นายภูมิธรรมกล่าว
นอกจากนี้ ท่านยังเปิดเผยว่า ขณะนี้มีการพูดคุยกันว่าฝ่ายพลเรือนพยายามที่จะขออนุญาตออกกฎระเบียบ ซึ่งสมเด็จพระสังฆราชทรงเห็นพ้องต้องกันกับสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ว่าอยากให้นำกฎหมายเก่ามาดูและเพิ่มความเข้มงวด หากจะมีการแก้ไขเพิ่มเติมก็ให้ดำเนินการอย่างเต็มที่
เพื่อไม่ให้พระพุทธศาสนาต้องเสื่อมเสีย แม้ท่านจะมองว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเฉพาะจุด แต่โซเชียลมีเดียได้พูดถึงไปไกล ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องจัดการอย่างเคร่งครัด โดยหากมีการแก้กฎหมายแล้วก็ให้นำไปหารือในที่ประชุมมหาเถรสมาคมต่อไป ซึ่งถือว่าพระองค์ท่านได้ให้หลักการแล้วว่าให้ดำเนินการอย่างเข้มงวด
ขณะเดียวกัน เว็บไซต์ข่าว 3Plus NEWS ได้เปิดเผยว่า เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงกรณีที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว หรือ “บิ๊กเต่า” รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ออกมาระบุว่าเตรียมเปิดคดีใหม่ที่มีพระในระดับชั้นสมเด็จเข้าไปเกี่ยวข้อง
นายภูมิธรรมกล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ ได้ฟังจากสื่อเช่นกัน แต่ตนได้พูดคุยกับ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางแล้ว
โดยให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ทำหน้าที่อย่างเต็มที่แล้วค่อยนำผลมาตรวจทานกัน ขณะนี้เป็นเรื่องของฝ่ายปฏิบัติการ ซึ่งตนได้ให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ดำเนินการให้เรียบร้อย และให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าดำเนินการเสริมด้วย
