วันที่ 17 ก.ค.2568 ที่รัฐสภา นายฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์ สส.พังงา และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แถลงว่า ในฐานะสส.พังงา มีจุดยืนเกี่ยวกับเงื่อนไขการยกท่าเรือทับละมุ ให้สหรัฐอเมริการทำฐานทับเรือแลกกับการลดภาษี ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของฐานทัพเรือ ทับละมุ ตำบลลำแก่น อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา ด้วยความห่วงใยของสส.ภาคใต้พรรคพลังประชารัฐ เมื่อทราบข่าวว่าจะมีการต่อรองเจรจาภาษีสหรัฐฯ ซึ่งขณะนี้ทางเวียดนามและอินโดนีเซียได้เจรจาเสร็จสิ้นไปแล้ว แต่ทราบว่าด้วยความผิดพลาดของรัฐบาลไทยเองในการไปเจรจาทำให้เรายังเสียภาษีอยู่ที่ 36 % ซึ่งจะกระทบต่อเศรษฐกิจของไทยเพราะเราเป็นคู่ค้าสำคัญกับสหรัฐอเมริกาเรามียอดการส่งออกปีละ 1.9 ล้านล้านบาท
ซึ่ง GDP รวมของประเทศมีการประมาณการไว้ ที่ 10.38 % ของ GDP ประเทศ โดยเคยแถลงข่าวเตือนรัฐบาลหลายครั้งให้รีบดำเนินการเจรจาที่มีความเป็นห่วงมาตลอด ตนไม่ทราบว่ารัฐบาลนี้ทำงานแบบไหน เพราะในทางการทูตเรามีปัญหาหมด ตั้งแต่เมียนมาจับลูกเรือชาวประมงไทย ปัญหาชายแดนไทยกัมพูชา และปัญหานักท่องเที่ยวจีนลดลง จะเห็นว่าเราได้รับผลกระทบทุกด้าน จึงอยากให้รัฐบาลทำให้เกิดความชัดเจน
"ผมขอติดตามและขอต่อต้านในการเอาความมั่นคงไปแลกกับการเจรจาทางการค้าผมในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขตพื้นที่ ขอคัดค้านเพราะว่าจะมีผลกระทบกับประชาชนในการใช้ชีวิตประจำวัน ของจังหวัดพังงาแน่นอน กระทบทั้งการท่องเที่ยวการใช้ชีวิตการประมง" นายฉกาจ กล่าว
นายฉกาจ กล่าวว่า ขอให้ ช่วยกันกระทุ้งรัฐบาลว่าอย่าทำอะไรลับ ๆ ล่อ ๆ ขอให้มีความชัดเจนและเปิดเผยให้ประชาชนได้รับทราบ ไม่เช่นนั้นจะเดือดร้อนกันทั้งประเทศโดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจที่ต้องเสียภาษีมากกว่าเพื่อนบ้าน ยืนยันว่าจะขอคัดค้านเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด