มหาทิ ยันไม่ปาราชิก แต่สึกให้สบายใจ เตรียมมุ่งหน้าขึ้นเหนือ เผย ‘จุดเริ่มต้น’ รู้จักกอล์ฟ
GH News July 18, 2025 06:01 PM

มหาทิวากร ดีไพร อดีตเจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ย่องลาสิกขาเงียบ ยันไม่ปาราชิก แต่สึกให้คณะสงฆ์สบายใจ ส่งมอบบัญชีรับ-จ่ายวัด 4 ปีให้เจ้าคณะ พร้อมคืนเงินให้วัด 3 หมื่น เตรียมมุ่งหน้าขึ้นเหนือ เผย ‘จุดเริ่มต้น’ รู้จักสีกากอล์ฟ

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 18 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่อุทยานหลวงพ่อโต วัดหลักสี่ราษฎร์สโมสร ขอเข้าพบ พระราชวัชรสาครคณี เจ้าคณะจังหวัดสมุทรสาคร เจ้าอาวาสวัดหลักสี่ราษฎร์สโมสร เพื่อสอบถามถึงกรณีที่ มหาทิวากร ดีไพร อดีตเจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท เข้าพบและขอลาสิกขา เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา

พระราชวัชรสาครคณี เจ้าคณะจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า เมื่อเวลา 2 ทุ่มกว่าๆ ของคืนวันที่ 17 กรกฎาคม มหาทิวากรได้เดินทางมาหาตน พร้อมกับลูกศิษย์วัด 1 คน และพระภิกษุสงฆ์อีก 1 รูป ซึ่งตนก็ไม่รู้จักว่าเป็นใคร โดยการมาครั้งนี้ไม่ได้มีการโทรมานัดหมายก่อนแต่อย่างใดทั้งสิ้น เขามาหาเลยแล้วก็บอกว่า จะขอสึก เพื่อให้เกิดความสบายใจของคณะสงฆ์ในจังหวัดสมุทรสาคร

ซึ่งก่อนที่จะสึกให้นั้น อาตมาได้มีการสอบถามแล้วว่า “ท่านปาราชิกหรือไม่” ก็ได้รับคำยืนยันจากมหาทิวากรว่า “ไม่ปาราชิก” ดังนั้นเมื่อเขายืนยันเช่นนั้น อาตมาก็ได้สึกให้ตามลำดับขั้นตอน หลังจากนั้นมีการพูดคุยกันอยู่สักพักหนึ่ง ก่อนที่เขาและพวกจะลากลับไป แต่ไม่ได้สอบถามว่าจะไปไหน หรือก่อนหน้านี้ไปอยู่ที่ไหนมา เพราะไม่ใช่เรื่องของเรา

โดยทางมหาทิวากรบอกว่า จะเดินทางไปอมก๋อย จ.เชียงใหม่ ต่อ ซึ่งจะจริงเท็จประการใดนั้น ไม่สามารถยืนยันได้ เพียงแต่เขาพูดมาแบบนี้

พระราชวัชรสาครคณียังบอกอีกว่า เขามาขอสึกนี้ ได้มาพร้อมกับเอกสารทางการเงินที่รับมาและใช้จ่ายไปเกือบ 10 แผ่น ซึ่งเป็นในส่วนที่เป็นรายได้ของวัดโดยตรงตั้งแต่ปี 2564-2567 เช่น เงินกฐินและเงินบริจาค พร้อมกันนี้ยังนำภาพการก่อสร้างและการปฏิสังขรณ์สิ่งต่างๆ ในวัดอีกกว่า 20 แผ่นมาให้ไว้เป็นหลักฐานด้วย

พระราชวัชรสาครคณี เจ้าคณะจังหวัดสมุทรสาคร ให้สัมภาษณ์ พร้อมเผยบัญชีรายได้วัด ที่มหาทิวากรนำมาส่งมอบ

นอกจากนี้ยังได้นำเงินประมาณ 30,000 บาท ใส่ซองมามอบให้กับอาตมาไว้ เพื่อนำไปมอบคืนให้แก่เจ้าคณะตำบล และส่งต่อให้กับผู้ที่จะรักษาการเจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาทต่อไป โดยเงิน 30,000 กว่าบาทที่นำมาให้นี้เป็นเงินบริจาค 70,000 บาท ที่มหาทิวากรนำติดตัวไปด้วย แล้วเอาไปจ่ายค่าไฟฟ้าเดือนที่แล้วกว่า 30,000 บาท ส่วนที่เหลือก็นำมาให้อาตมาเพื่อส่งต่อผู้ที่ต้องดูแลวัดตามลำดับขั้นตอนต่อไป

ส่วนเรื่องที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับ “สีกากอล์ฟ” ได้อย่างไรนั้น มหาทิวากรก็เล่าว่า ทางสีกาเคยมาทำบุญที่วัด จากนั้นก็มีการโทรศัพท์มาขอยืมเงิน โดยอ้างว่าป่วยเข้าโรงพยาบาลแล้วไม่มีเงินจ่ายค่ารักษา จะขอยืมเงินไปจ่ายหมอเพื่อจะออกจากโรงพยาบาล ซึ่งมหาทิวากรก็เห็นว่าเคยมาทำบุญที่วัด จึงตัดสินใจโอนให้ไป จากนั้นก็มีการขอยืมกันมาเรื่อยๆ แต่ละครั้งไม่มากเท่าไหร่ ตามที่บอกก็เป็นหลักหมื่น พอยืมไปก็มีการโอนคืนบ้างหรือเป็นเงินสดบ้าง

ซึ่งเรื่องนี้ก็ต้องให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ตรวจสอบและสอบสวน เพราะเขาเองก็สึกไปแล้ว จึงไม่เกี่ยวกับทางสงฆ์อีก เป็นเรื่องของตำรวจแล้ว จะมีความผิดหรือไม่ และจะจริงเท็จแค่ไหนจากข้อมูลที่เขาเล่ามานั้น ก็ต้องขึ้นอยู่กับการพิสูจน์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจเท่านั้น

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.