"วราวุธ-สรชัด" ลงพื้นที่เยี่ยมเหยื่อพลุระเบิดสุพรรณฯ เร่งเยียวยา-ขอกำนันช่วยตรวจบ้านเสี่ยง
GH News July 31, 2025 04:21 PM

“วราวุธ-สรชัด” เยี่ยมครอบครัวเหยื่อพลุระเบิดสุพรรณบุรี ขอผวจ. กวดขันปมเกิดเหตุซ้ำ วอน กำนันผู้ใหญ่บ้าน ช่วยเคาะประตูบ้าน มีบ้านไหนประกอบกิจการ

เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) นายสรชัด สุจิตต์ สส. พรรคชาติไทยพัฒนา จังหวัดสุพรรณบุรี พร้อมผู้บริหารกระทรวง พม. ทีมศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) กระทรวง พม. และ ทีม พม.จังหวัดสุพรรณบุรี ลงพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี ที่ศูนย์ประสานงาน วัดโพธิ์ท่าทราย อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจ แก่ครอบครัวผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากกรณีที่เกิดเหตุเมื่อ พลุระเบิด (พลุไล่นก) ที่บ้านเลขที่ 212 หมู่ที่ 1 ตำบลบ้านโพธิ์ อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส จำนวน 1 ราย ผู้สูญหายในที่เกิดเหตุ จำนวน 9 ราย และมีบ้านเรือนได้รับความเสียหาย จำนวน 3 หลัง ซึ่งบ้านเกิดเหตุไม่มีใบอนุญาตถูกต้อง ไม่มีเครื่องจักรในการประกอบกิจการ  โดยคนงานใช้มือในการบรรจุดินปืนและประกอบส่วนต่าง ๆ ส่วนสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดสุพรรณบุรี โดยกิจการไม่เข้าข่ายควบคุมเป็นโรงงานตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และโพแทสเซียมคลอเรต (POTASSIUM CHLORATE) ไม่จัดเป็นวัตถุอันตรายในความรับผิดชอบของกรมโรงงานอุตสาหกรรม แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535

นายวราวุธ กล่าวว่า ตนได้สั่งการให้ผู้บริหารกระทรวง พม. พร้อมทีม ศรส. กระทรวง พม. และทีม พม.จังหวัดสุพรรณบุรี ลงพื้นที่เป็นการด่วน ที่ศูนย์ประสานงาน วัดโพธิ์ท่าทราย ซึ่ง พบว่า มีกลุ่มเปราะบางในครอบครัวของผู้เสียชีวิต 9 ราย ได้แก่ รายที่ 1- 2 เป็นครอบครัวเดียวกัน มีสมาชิกกลุ่มเปราะบางเป็นเด็ก 2 คน และผู้สูงอายุ 2 คน , รายที่ 3 ไม่มีสมาชิกกลุ่มเปราะบาง , รายที่ 4 มีสมาชิกกลุ่มเปราะบางเป็นเด็ก 1 คน , รายที่ 5 – 6 มีสมาชิกกลุ่มเปราะบางเป็นผู้สูงอายุ 1 คน , รายที่ 7 – 8 เป็นครอบครัวเดียวกัน มีสมาชิกกลุ่มเปราะบางเป็นเด็ก 1 คน และรายที่ 8 มีสมาชิกกลุ่มเปราะบางเป็นเด็ก 1 คน และผู้สูงอายุที่เป็นคนพิการ 1 คน และ รายที่ 9 ไม่มีสมาชิกกลุ่มเปราะบาง ส่วน ผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย ไม่มีสมาชิกกลุ่มเปราะบาง

ทั้งนี้ กระทรวง พม. ได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือ ดังนี้  1) ทีมสหวิชาชีพ ประกอบด้วย นักสังคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยา และนักพัฒนาสังคม ช่วยเหลือด้านการเยียวยาจิตใจแก่ครอบครัวผู้สูญเสีย ร่วมกับทีมเยียวยาจิตใจ (MCATT) กระทรวงสาธารณสุข 2) มีการมอบหมายผู้จัดการรายกรณี (Case Manager หรือ CM) ประกบทุกครอบครัว เพื่อเก็บข้อมูลเกี่ยวกับครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบ และสำรวจข้อมูลสภาพปัญหาความเดือดร้อน รวมถึงกลุ่มเปราะบาง ได้แก่ เด็ก ผู้สูงอายุ และคนพิการ ในครอบครัว เพื่อวางแผนการให้ความช่วยเหลืออย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง 

นอกจากนี้ ได้มีการวางแผนการให้ความช่วยเหลือเป็น 3 ระยะ ได้แก่ 1) ระยะเร่งด่วน โดยนักสังคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยา ทีม พม.จังหวัดสุพรรณบุรี ร่วมกับจังหวัด ลงพื้นที่เยียวยาให้กำลังใจ , สำรวจข้อมูลสภาพปัญหา ความเดือดร้อน และกลุ่มเปราะบางในครอบครัว 2) ระยะกลาง โดยวางแผนการช่วยเหลือครัวเรือนที่มี เด็ก ผู้สูงอายุ คนพิการ และกลุ่มเปราะบาง ให้ได้รับความช่วยเหลือตามระเบียบของกระทรวง พม. และรวบรวมการให้ความช่วยเหลือจากหน่วยงานอื่นๆ และ 3) ระยะยาว โดยพัฒนาทักษะอาชีพ , สนับสนุนเงินทุนประกอบอาชีพ , ซ่อมแซมปรับปรุงที่อยู่อาศัยกลุ่มเปราะบาง , ผู้จัดการรายกรณี (CM) ติดตามการให้ความช่วยเหลือระยะยาว

นายวราวุธ ให้สัมภาษณ์ ว่า ขอขอบคุณทุกหน่วยงานโดยเฉพาะกระทรวงพม. ที่ได้เข้ามาทำงานกันอย่างเต็มที่ เพื่อดูแลทั้งด้านร่างกายและจิตใจ เพราะเมื่อเกิดเหตุขึ้นแล้วทุกคนก็จะเห็นว่าแต่ละครอบครัวสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก และอยู่ในสภาพที่ตกใจและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  หน้าที่ของฝ่ายราชการคือการเยียวยาและดูแลครอบครัวที่ยังอยู่ ฟื้นฟูสภาพจิตใจ ฟื้นฟูอาชีพสนับสนุนการศึกษา ซึ่งถือว่าโชคดีที่ภาคเอกชนในจังหวัดสุพรรณบุรี พี่น้องประชาชนชาวสุพรรณบุรี และเหล่ากาชาด ที่พร้อมยื่นมือเข้ามาช่วยลูกหลานให้มีการศึกษาต่อ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็เป็นอุทาหรณ์ว่าเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ควรจะเกิด และได้ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดช่วยพิจารณา แต่ในเรื่องการอนุญาตนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องช่วยกวดขัน เพราะเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีตก็มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก แล้วจะทำอย่างไรที่จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำอีก ต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวที่สูญเสียอีกครั้ง และในนามมูลนิธิบรรหาร-แจ่มใส ศิลปอาชา ได้นำเงินส่วนหนึ่งมามอบให้เป็นกำลังใจกับครอบครัวที่ได้รับผลกระทบช่วยเหลือการศึกษาลูกหลาน ส่วนสาเหตุของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นต้องเป็นหน้าที่ของตำรวจ แต่เท่าที่ได้รับรายงานว่าไม่ใช่โรงงานพลุขนาดใหญ่แต่มีดินระเบิดเป็นส่วนหนึ่ง จึงต้องให้ฝ่ายปกครองและตำรวจดำเนินการกวดขัน อย่างไรก็ตามการประกอบธุรกิจโรงงานเป็นอำนาจของจังหวัดซึ่งก็ต้องตรวจสอบว่ากรณีนี้ได้ขออย่างถูกต้องหรือไม่ แล้วจะต้องดำเนินการอย่างไร จากนี้ไปกำนันผู้ใหญ่บ้านคงจะต้องเคาะประตูบ้านว่ามีบ้านใดประกอบกิจการใดได้รับอนุญาตตามมาตรฐานหรือไม่

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.