‘มหาวิทยาลัยบราวน์’ ยอมปิดดีลรัฐบาลทรัมป์ แลกงบวิจัยจากรัฐบาลกลาง

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า มหาวิทยาลัยบราวน์ได้บรรลุข้อตกลงกับรัฐบาลสหรัฐของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อให้มหาวิทยาลัยสามารถเข้าถึงงบประมาณด้านการวิจัยจากรัฐบาลกลางได้อีกครั้ง และยุติการสอบสวนในกรณีว่ามหาวิทยาลัยบราวน์มีการเลือกปฏิบัติและต่อต้านชาวยิว

เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ออกมาเปิดเผยเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม ว่าข้อตกลงดังกล่าวกับรัฐบาลสหรัฐมีระยะเวลา 3 ปี ให้มหาวิทยาลัยบราวน์เข้าถึงเงินช่วยเหลือและข้อตกลงที่เคยมีการระงับไปก่อนหน้านี้ โดยรัฐบาลกลางจะคืนเงินช่วยเหลือที่ยังไม่ได้มีการออกให้กับมหาวิทยาลัยบราวน์มูลค่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1,636 ล้านบาท นอกจากนั้น รัฐบาลจะยุติการสอบสวนมหาวิทยาลัยบราวน์ในข้อหาต่อต้านชาวยิว และใช้เรื่องเชื้อชาติมาเป็นเกณฑ์การรับนักศึกษา

ขณะที่ในข้อตกลงดังกล่าวระบุว่า มหาวิทยาลัยบราวน์จะจ่ายเงิน 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1,636 ล้านบาทให้กับองค์กรการพัฒนาแรงงานของรัฐโรดไอแลนด์ และยอมปรับเปลี่ยนหลายนโยบายเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายทางการเมืองของทรัมป์ อาทิ มหาวิทยาลัยบราวน์จะใช้คำจำกัดความของ ผู้ชาย และ ผู้หญิง ตามแบบของรัฐบาลทรัมป์ และจะไม่นำเรื่องเชื้อชาติมาเป็นหนึ่งในการพิจารณาการรับนักศึกษาเข้าเรียน ทางมหาวิทยาลัยบราวน์จะต่อสัญญาความเป็นพันธมิตรกับนักวิชาการอิสราเอลและสนับสนุนให้นักศึกษาชาวยิวยื่นสมัครเข้าเรียนมหาวิทยาลัยบราวน์ โดยภายในสิ้นปีนี้ บราวน์จะต้องจ้างองค์กรภายนอกที่เลือกโดยบราวน์และรัฐบาลกลาง ให้เข้ามาจัดทำโพลสำรวจความคิดเห็นของนักศึกษาชาวยิว

ข้อตกลงดังกล่าวยังระบุว่า มหาวิทยาลัยบราวน์จะต้องเปิดเผยข้อมูลทรัพย์สิน เชื้อชาติ และผลการเรียนของนักศึกษาที่ยื่นสมัครและได้รับเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย ซึ่งข้อมูลดังกล่าวจะถูกรัฐบาลตรวจสอบอย่างละเอียด

นางคริสตินา แพ็กสัน อธิการบดีมหาวิทยาลัยบราวน์กล่าวว่า ข้อตกลงที่ทางมหาวิทยาลัยได้ทำร่วมกับรัฐบาลสหรัฐนั้นมีจุดประสงค์เพื่อปกป้องไม่ให้รัฐบาลเข้ามาชี้นำเนื้อหาและหลักสูตรของทางมหาวิทยาลัยได้ “สิ่งที่มหาวิทยาลัยให้ความสำคัญสูงสุดระหว่างการเจรจากับรัฐบาลคือการรักษาพันธกิจทางการศึกษาของเรา คุณค่าหลักและตัวตนของมหาวิทยาลัยบราวน์” แพ็กสันกล่าว

ข้อตกลงของมหาวิทยาลัยบราวน์กับรัฐบาลสหรัฐมีความคล้ายคลึงกับข้อตกลงที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบียได้เพิ่งลงนามไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่ข้อตกลงของมหาวิทยาลัยบราวน์ไม่ได้มีการตั้งคณะติดตามจากส่วนนอก แพ็กสันกล่าวต่อคำถามว่าทำไมมหาวิทยาลัยบราวน์ยอมยุติคดีกับรัฐบาลหากไม่ได้กระทำความผิดอย่างที่รัฐบาลกล่าวอ้าง ว่าบราวน์เผชิญกับแรงกดดันทางการเงินจากหน่วยงานรัฐบาลกลาง รวมถึงแรงกดดันมากขึ้นว่ารัฐบาลจะแทรกแซงภาควิชาการของมหาวิทยาลัย