จากกรณีที่มีข่าวออกมาว่า กัมพูชาต้องการยึดปราสาทตาควาย เพื่อต้องการทำลายจารึกที่อยู่ในปราสาท เนื่องจากเชื่อว่า พระเจ้าสุริยวรมันที่1 ทรงทำคำสาปแช่งไว้ในศิลาจารึก สาปแช่งผู้โค่นล้ม และลบหลู่ราชวงศ์ รวมถึงพระเจ้าแตงหวานด้วย ที่โค่นล้มพระเจ้าชัยวรมันที่8 กษัตริย์องค์สุดท้ายเชื้อสายสุริยวรมัน
โดยข้อความจารึก ระบุว่า “ผู้ใดทรยศต่อเรา (สุริยวรมัน) และลูกหลาน จะตกอยู่ในความพินาศตลอดไป — ถูกต่างชาติยึดครอง ถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ไม่พัฒนา ไม่มีวันชนะลูกหลานของเราได้ และจะเผชิญภัยพิบัติซ้ำแล้วซ้ำเล่า” ซึ่งมีข่าวว่าที่กัมพูชา ต้องการยึดปราสาทต่างๆ ก็เพราะต้องการทำลายจารึก เพื่อลบคำสาปแช่ง
ผู้สื่อข่าว “อมรินทร์ทีวี” ได้ไปพูดคุยกับ ผศ.ดร.กังวล คัชชิมา นักโบราณคดีและเป็นอาจารย์ประคณะโบราณคดี ม.ศิลปากร ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาเพียงแห่งเดียวของไทย ที่มีการเรียนการสอนในจารึก และผศ.ดร.กังวล เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านจารึกเขมรโบราณอันดับต้นๆ ของประเทศ เล่าให้ฟังว่าปราสาทต่างๆ เป็นข้อพิพาทระหว่างไทย-กัมพูชานั้น หลักๆ จะมีดังนี้
1.ปราสาทพระวิหาร ซึ่งพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 เป็นผู้สร้าง เพื่อประกอบพิธีทางศาสนา ทำบุญ
2.ปราสาทโดนตวล ตั้งอยู่ที่ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ สร้างสมัยเดียวกัน มีการบอกเล่าเรื่องต่างๆ เป็นปราสาทประจำชุมชน
3.ปราสาทตาควาย หรือ กรอใบ พบใหม่ล่าสุด สร้างหลังจากพระวิหารและปราสาทโดนตวล สร้างด้วยหินทราย ยังไม่มีการศึกษาค้นควา ไม่มีตัวจารึก แต่นอกปราสาท ใกล้กัน พบศิลาจารึกที่น่าสนใจดังกล่าว
4.ปราสาทตาเมือนธม มีจารึก 14 หลัก อายุ 1,300 ปี มีความสำคัญมาก ปราสาทนี้มีทางสัญจรที่ดีกว่าที่อื่น จึงเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ต้องการ
5.ปราสาทตาเมือนโต๊ส สร้างด้วยศิลาแรง โดยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 ทรงสร้าง เพื่อเป็นศาสนสถาน เป็นวัด เป็นโรงพยาบาล
ส่วนที่กัมพูชาต้องการปราสาทแต่ละปราสาท อ้างว่าเกิดจากคำสาปแช่งที่จารึกไว้ในปราสาทตาควาย และ สมเด็จฯ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ต้องการปราสาท เพราะต้องการทำลายจารึก เพื่อลบล้างคำสาปนั้น ตนเชื่อว่าไม่เป็นความจริง ในประเทศไทยมีไม่กี่คนที่จะสามารถอ่านจารึกในปราสาทได้ แต่ตนคือ 1 ในคนที่สามารถอ่านจารึกได้ ซึ่งศิลาจารึกประมาณ 1,400 กว่าหลัก ที่อยู่ตามปราสาทต่างๆ บริเวณพื้นที่แนวชายแดนไทย-กัมพูชา ผ่านตาตนเองมาหมดแล้ว
ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา ตนเดินทางไปศึกษาค้นคว้า แต่ก็ยังไม่มีจารึกไหน ที่มีการสาปแช่งลูกหลานให้ไม่เจริญ แต่มีจารึกหนึ่งน่าสนใจ อยู่บริเวณใกล้กับปราสาทตาควาย จารึกเป็นภาษาสันสกฤต สาปแช่งคนที่ลักขโมย ประมาณว่า ผู้ใดขโมยทรัพย์สิน ขอให้ตกนรก ตราบเท่าที่พระจันทร์และพระอาทิตย์ยังมีอยู่ หากได้เกิดใหม่ ก็ขอให้เกิดเป็นหนอนในขี้ ซึ่งเป็นคนสาปแช่งจากผู้อื่น แต่ไม่ใช่ของ พระเจ้าสุริยวรมันที่1
ที่ผ่านมากัมพูชา มีการสอนลูกหลานว่า ปราสาทเหล่านี้ เป็นสถานที่สำคัญของบ้านเมือง เพราะแต่ละที่มีประวัติความเป็นมา เป็นมรดกตกทอด มีอารยธรรม เขาจึงพยายามทุกวิถีทางที่จะเอาคืนให้ได้ ต่างคนก็ต่างแย่งกัน ตนมองว่าจริงๆแล้ว ไม่มีขอบเขตแน่นอนว่าเป็นของใคร เพราะสืบทอดมาจากคนกลุ่มเดียวกัน ทุกคนมีสิทธิ์เหมือนกัน ตนมองว่าควรจะช่วยกันรักษา มากกว่าการแย่งชิงกันแบบนี้