วิทยาลัยการแพทย์แบบบูรณาการ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) ได้จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) ร่วมกับโรงเรียนราชินีบน และบริษัท เอเพ็กซ์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ จำกัด ผนึกพลัง 3 ฝ่ายเพื่อยกระดับการเรียนการสอนด้านสุขภาพและความงามให้ทันสมัย พร้อมตอบโจทย์ตลาดแรงงานในยุคดิจิทัล โดยมี ผศ.นพ.มาศ ไม้ประเสริฐ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แบบบูรณาการ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ พร้อมด้วย ดร.เย็นฤทัย จงถนอม ผู้อำนวยการโรงเรียนราชินีบน และ ดร.พชรพร พิจารณากุล ผู้บริหารฝ่ายการตลาด APEX หรือ บริษัท เอเพ็กซ์เมดิคอล เซ็นเตอร์ จำกัด เป็นผู้ลงนามทั้ง 3 ฝ่าย เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2568 ณ ห้องประชุมสัจจา 1 มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
ผศ.นพ.มาศ ไม้ประเสริฐ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แบบบูรณาการ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์เปิดเผยว่า วิทยาลัยฯ มุ่งมั่นพัฒนาหลักสูตรและระบบการเรียนรู้เพื่อผลิตบุคลากรสุขภาพแนวใหม่ที่มีคุณภาพ พร้อมตอบโจทย์ความต้องการของสังคมไทยและตลาดแรงงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในยุคดิจิทัล
“ตลอดกว่า 18 ปีที่ผมได้คลุกคลีอยู่ในแวดวงสุขภาพแนวใหม่ ผมเห็นพัฒนาการและการยอมรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เราไม่ได้หยุดแค่การเป็นผู้ให้ความรู้ แต่ต้องเป็นผู้นำในการสร้างนวัตกรรมการเรียนรู้ด้านสุขภาพและความงามอย่างครบวงจร และทันสมัยที่สุดในประเทศ”ผศ.นพ.มาศ ระบุ
โดย ผศ.นพ.มาศ ยังระบุอีกว่า ความสำเร็จของวิทยาลัยการแพทย์แบบบูรณาการ ไม่ได้วัดจากชื่อเสียงเพียงอย่างเดียว แต่คือการที่นักศึกษาและบัณฑิตสามารถออกไปสร้างคุณค่าให้กับสังคม และตอบโจทย์การดูแลสุขภาพของประชาชนได้จริง โดยเฉพาะในสังคมสูงวัยที่กำลังขยายตัวมากขึ้นทุกปี ทำให้วิทยาลัยการแพทย์แบบบูรณาการมุ่งพัฒนาหลักสูตรให้ทันสมัยต่อเนื่อง
โดยเปิดสอนหลักสูตรที่ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และหลักสูตรเฉพาะทาง อาทิ หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิทยาการชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ(M.Sc. Anti-Aging and Regenerative Medicine), หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิตการจัดการธุรกิจสุขภาพและความงาม (M.Sc. Management in Health and Beauty), หลักสูตรเฉพาะทางสำหรับแพทย์ (M.Sc. Aesthetic Medicine) ซึ่งดำเนินการแล้วถึงรุ่นที่ 4 และมีผู้เรียนจากทั่วประเทศ
รวมถึงการอบรมระยะสั้นสำหรับผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานในสายสุขภาพ ซึ่งทุกหลักสูตรถูกออกแบบให้สอดคล้องกับแนวโน้มสุขภาพระดับโลก เน้นทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติจริง ต่อยอดสู่การพัฒนาศักยภาพบุคลากรในระบบสุขภาพไทยที่สามารถปรับตัวได้ทันกับเทคโนโลยีและบริบททางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
นอกจากนี้ ผศ.นพ.มาศ ยังได้ประกาศนโยบายสำคัญของวิทยาลัยในปี 2569 ว่า วิทยาลัยจะเปิด โรงพยาบาลต้นแบบด้านสุขภาพบูรณาการ ซึ่งจะตั้งอยู่ในพื้นที่ของมหาวิทยาลัย และเป็นศูนย์ฝึกปฏิบัติงานสำหรับนักศึกษาและบุคลากรในสาขาวิชาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และในปีถัดไป วิทยาลัยฯ เตรียมเปิด ศูนย์ต้นแบบรองรับผู้สูงอายุ (Aging Wellness Hub) เพื่อตอบสนองนโยบายด้านสาธารณสุขของประเทศ พร้อมให้เป็นแหล่งฝึกอบรม การทดลองนวัตกรรม และต้นแบบการบริการสุขภาพที่เชื่อมโยงเทคโนโลยีและองค์ความรู้ทางการแพทย์แบบองค์รวม
“โรงพยาบาลต้นแบบของเรา จะเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ การบริการ และการวิจัยด้านสุขภาพแบบบูรณาการ ทั้งในด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย การฟื้นฟูสุขภาพ และการดูแลผู้สูงวัย เราวางแผนให้เป็นพื้นที่ต้นแบบด้านนวัตกรรมสุขภาพของประเทศ” ผศ.นพ.มาศ เปิดเผย
ด้าน ดร.พีระยุทธ มั่งคั่ง รองคณบดีวิทยาลัยการแพทย์แบบบูรณาการ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ กล่าวว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการทั้ง 3 ฝ่ายในวันนี้ เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือทางการศึกษา พัฒนาหลักสูตร แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ตลอดจนส่งเสริมให้นักเรียน นักศึกษา ได้มีโอกาสฝึกปฏิบัติงานจริงในสถานประกอบการด้านสุขภาพและความงาม
ทั้งนี้ความร่วมมือครั้งนี้จะครอบคลุมกิจกรรมหลากหลาย อาทิ การพัฒนาหลักสูตรให้มีความทันสมัย ตอบโจทย์ตลาดแรงงานจริง , การจัดฝึกงานและสหกิจศึกษาในสถานประกอบการระดับมืออาชีพ , การจัดอบรม สัมมนา และแลกเปลี่ยนองค์ความรู้กับวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ ตลอดจนการพัฒนาศักยภาพของครู อาจารย์ และนักเรียน/นักศึกษาอย่างต่อเนื่อง
"เรามุ่งหวังให้ความร่วมมือครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาบุคลากรอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาไปจนถึงอุดมศึกษา โดยเชื่อมโยงการเรียนรู้จากห้องเรียนสู่การปฏิบัติงานจริงในบริบทของธุรกิจสุขภาพและความงาม ที่ต้องการบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ และเข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างลึกซึ้งในปัจจุบัน" ดร.พีระยุทธ กล่าว
ด้าน ดร.เย็นฤทัย จงถนอม ผู้อำนวยการโรงเรียนราชินีบน กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญที่ช่วยต่อยอดศักยภาพของนักเรียน พร้อมยกระดับการจัดการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับบริบทของโลกยุคใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในทุกมิติ โดยความร่วมมือทางวิชาการในครั้งนี้กับมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์และบริษัทเอกชนชั้นนำ ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่จะช่วยพัฒนานักเรียนในโรงเรียนราชินีบนให้สามารถค้นพบตนเอง เข้าใจเส้นทางการเรียนรู้ และเตรียมพร้อมเข้าสู่มหาวิทยาลัยและวิชาชีพในอนาคต
ดร.เย็นฤทัย กล่าวเพิ่มเติมว่า โรงเรียนราชินีบนเป็นโรงเรียนหญิงล้วนที่มีเอกลักษณ์และศักยภาพโดดเด่นทั้งด้านวิชาการและคุณธรรม โดยเฉพาะในบริบทของการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย โรงเรียนเล็งเห็นถึงความจำเป็นในการเตรียมเยาวชนให้เข้าใจและพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลง ทั้งในเชิงประชากร เทคโนโลยี และทักษะที่จำเป็นในตลาดแรงงาน จึงได้มีการพัฒนาแนวทางการเรียนการสอนให้ทันสมัย ครอบคลุมทั้งระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลาย โดยเน้นกระบวนการคิด วิเคราะห์ การลงมือปฏิบัติ และการค้นหาตัวตนของนักเรียนผ่านการเรียนรู้ในสถานการณ์จริง
“ที่ผ่านมาเรามีความพยายามอย่างมากในการปรับแนวทางการเรียนรู้ให้นักเรียนได้เห็นภาพอาชีพจริง แต่ด้วยข้อจำกัดในด้านบุคลากรเฉพาะทาง ความร่วมมือกับ DPU ครั้งนี้จึงช่วยเติมเต็มส่วนสำคัญ เพราะนักเรียนของเราจะได้เรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญในภาคปฏิบัติจริง ทั้งในเรื่องสุขภาพ ความงาม และศาสตร์ชะลอวัย ซึ่งเป็นสายงานที่มีแนวโน้มเติบโตสูงในอนาคต”ดร.เย็นฤทัย กล่าว
ขณะที่ ดร.พชรพร พิจารณากุล ผู้บริหารฝ่ายการตลาด APEX บริษัท เอเพ็กซ์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ จำกัด กล่าวว่า APEX ในฐานะผู้นำด้านสุขภาพและความงามที่มีมากกว่า 70 สาขาทั่วประเทศ มีความยินดีที่ได้ร่วมเป็นภาคีในการบ่มเพาะบุคลากรรุ่นใหม่ และร่วมสร้าง Soft Power ด้านสุขภาพให้กับประเทศไทย โดย APEX พร้อมให้การสนับสนุนทั้งในรูปแบบการฝึกงาน การถ่ายทอดองค์ความรู้ และการแนะแนววิชาชีพ เพื่อให้นักเรียนและนักศึกษาสามารถเชื่อมโยงความรู้ในห้องเรียนกับประสบการณ์จริงในระดับมืออาชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“ในนามของ APEX Digital Center และในฐานะตัวแทนของ APEX เชื่อมั่นว่าความร่วมมือครั้งนี้จะไม่เพียงแต่สร้างโอกาสให้กับนักเรียนและนักศึกษาเท่านั้น แต่ยังเป็นการรวมพลังจากภาคการศึกษากับภาคธุรกิจเพื่อขับเคลื่อนศักยภาพของประเทศด้านสุขภาพและความงามอย่างยั่งยืน” ดร.พชรพร กล่าว