“เทเลเมดิซีน “เป็นระบบการรักษา หรือให้บริการทางการแพทย์ทางไกล ผ่านระบบทางโทรศัพท์ หรือ ระบบอินเตอร์เน็ค ปัจจุบัน ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช) หรือ บัตรทอง และโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งได้เปิดให้บริการแบบเทเลเมดิซีนกับผู้ป่วยแล้ว ซึ่งมีข้อดีตรงที่ประหยัดเวลาการเดินทางไปโรงพยาบาล หรือคนไข้บางราย ไม่สะดวกไปโรงพยาบาล อาจจะด้วยเหตุผลพื้นที่ห่างไกล หรือสภาพร่างกายไม่พร้อมจะเดินทางไปพบแพทย์ ก็จะได้มีโอกาสพบแพทย์ได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ขาดตอน
แต่ถึงกระนั้น เทเลเมดิซีน ก็ยังกระจุกตัว อยู่แต่ในเมือง เท่านั้น ยังไม่ได้ขยายออกไปจังหวัดอื่นๆ มีแต่เพียง จังหวัดลำปาง โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง (อบจ.ลำปาง)ได้ริเริ่มนำระบบเทเลเมดิซีน มาบริการประชาชนแล้ว
นพ. ไชยนันทน์ ทยาวิวัฒน์ รองนายก อบจ. ลำปาง กล่าวว่า เทเลเมดิซีน ที่อบจ. ลำปางมาบริการประขาชน เป็นการสร้างคุณภาพระบบสุขภาพปฐมภูมิให้กับประชาขน โดยจะมีการจัดแพทย์ให้บริการเทเลเมดิซีน ทุกช่วงบ่ายของทุกวัน ส่วนใหญ่ เป็นการเช็คสุขภาพ และให้คำปรึกษา หรือหากรายใดมีอการป่วย ก็จะให้การรักษาเบื้องต้น หากนรายใดมีโรคซับซ้อน ก็จะถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล เนื่องจาก จะมีเจ้าหน้าที่ ที่อยู่กับคนไข้ ระหว่างที่คุณหมอให้บริการเทเลเมดิซีน ทุกครั้ง
เครื่องมือสำคัญที่อบจ.ลำปางมาใช้กับระบบเทเลเมดิซีน นั้นก็คือแอปพลิเคชั่น ได้รับการสนับสนุนเชิงวิชาการ จาก จากหน่วยบริการและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) ที่สนับสนุนการพัฒนาแอปพลิเคชั่นใช้งาน ผ่านระบบzoom ซึ่งประชาชนที่อยู่ห่างไกลสามารถพบพูดคุยกับแพทย์แบบเห็นหน้าตาผ่านทางอินเตอร์เน็ตได้ รวมทั้ง ยังได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ(สช.) อีกด้วย
“ เราพบว่าคนที่ไปหาหมอ80 % มักจะป่วยด้วยโรคเล็กๆน้อยๆ อีก 20% ต้องไปพบหมอที่โรงพยาบาลจริงๆ และอีก5% ต้องพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งเทเลเมดิซีนเป็นทางออกช่วยได้กับคนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะคนที่อยู่พื้นที่ห่างไกล ซึ่งเราได้ทดลองมาใช้กับประชาชนประมาณ 100 กว่าราย ทุกคนพอใจบริการมาก อบจ ลำปาง เป็นต้นแบบ จะขยายผลไป อบจ ลำพูนด้วย อบจ กระบี่ และปีต่อไป จะเน้นไปทร่ระบบปฎิบัติการ เซ็ทระบบ เป็นการเก็บข้อมูลสุขภาพประชาชน เป็นการนำไปสู่ ระบบดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน เพื่อจะได้ไม่ต้องรักษา หรือรักษายาก “
รองนายกฯอบจ ลำปางบอกอีกว่า จะมีการพัฒนาระบบเฟส 2 ให้แอปพลิเชั่นที่พัฒนาขึ้น สามารถใช้งานผ่านโทรศัพท์มือถือได้ และจะมีการบันทึกระหว่างการหารือกับแพทย์ด้วย ส่วนข้อมูลที่แพทย์ทำการรักษาผ่านระบบเทเลเมดิซีน ก็จะถูกบันทึก เหมือนเวชระเบียนของโรงพยาบาล โดยทีมงานอบจ.ลำปาง ด้านสุขภาพจะเป็นผู้ดูแลระบบ และยังหวังว่าระบบนี้ จะช่วยพัฒนาส่งเสริมสุขภาพประชาชนในลำปาง โดยเฉพาะเด็กๆ ตั้งเป้าที่จะช่วยพัฒนาอีคิวของเด็ก ให้อยู่เหนือระดับ 105 หรือระบบนี้จะเป็นพี่เลี้ยงพัฒนาเด็กในด้านสติปัญญาความสามารถด้่านต่างๆ ต่อไปในอนาคต รวมทั้งคนที่มีปีญหาความอ้วน เด็กที่มีน้ำหนักเกิน หรือผู้ใหญ่ที่อ้วนเกินไป ซึ่งเป็นที่มาของโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือNCDs ระบบจะมามีส่วนช่วยการแก้ปัญหาตรงนี้ โดยข้อมูลสุขภาพที่ได้จะชี้แนะและให้คำปรึกษากับประชาชน ซึ่งภาพรวมจะส่งผลดี เป็นการป้องกันใม่ให้เกิดโรค NCDs ปัญหาใหญ่ของประเทศขณะนี้
“ระบบนี้ ทำให้คนพื้นที่ห่างไกลได้ประโยชน์มาก เราไปใช้เทเลเมดิซีนกับ พวกชนเผ่าอายุ 92ปี แกบอกว่า พบหมอครั้งสุดท้ายอายุ 20 ปี หรือไม่เคยพบหมอเลย 70ปี และมาพบหมออีกครั้งก็คราวนี้ “
นพ.ปรีดา แต้อารักษ์ ที่ปรึกษาสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ(สช.) หัวหน้าพัฒนาระบบ โทรเวชกรรมและระบบสุขภาพปฐมภูมิในประเทศไทย จ.ลำปาง กล่าวว่า โครงการนี้มีเป้าหมาย ยกระดับคุณภาพให้บริการสาธารณสุข แก่องค์การปกครองท้องถิ่น โดยเน้นลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างเป็นธรรมในสังคม รวมทั้งยังเป็นการพัฒนาเมืองใน 5มิติ ทั้งในแง่พัฒนาคน สิ่งแวดล่้อม เศรษฐกิจ ความสงบสุข และความเป็นหุ้นส่วนการพัฒนา ส่วนการทำวิจัยได้เลือกพื้นที่นำร่อง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) 7-10 แห่ง จากทั้งหมดที่มีการถ่ายโอนรพ.สต.ให้อปท.ลำปาง 67แห่ง และเป็นที่น่ายินดีว่านตอนนี้ ระบบเทเลเมดิซีน ได้ขยายขอบเขตให้บริการจาก 10 แห่ง เป็น 20 แห่ง
“เรายังยกระดับการให้บริการ ครอบคลุมหลายมิติ ทั้งการพยาบาล การให้คำปรึกษาด้านยา การส่งเสริมความรู้ด้านสุขภาพ และศูนย์นวัตกรรมการจัดการระบบสุขภาพปฐมภูมิต้นแบบ ไปยังลำพูน และกระบี่ โดยยึดลำปางเป็นต้นแบบ”
รศ.ดร.วีระศักดิ์ เครือเทพ ผอ.ฝ่ายวิจัยและนวัตกรรมเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งและยกระดับขีดความสามารถ ในการจัดการภาครัฐและท้องถิ่น บพท.กล่าวว่า บพท.สนับสนุนในด้านการวิจัยเพื่อพัฒนาระบบเทเลเมดิซีน ของอบจ.ลำปาง เพราะมองว่าจะเป็นการช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ และเห็นว่าระบบนี้จะช่วยได้มากด้านสุขภาพสำหรับคนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล เพราะประชาชนบางคนมีฐานะยากจนมาก การเดินทางไปโรงพยาบาล เพื่อพบแพทย์แต่ละครั้ง จะมีค่าใช้จ่าย ซึ่งตอนนี้ เจ้าหน้าที่สุขภาพของ อบจ.ลำปาง จะนำเครื่องมือเทเลเมดิซีน ออกไปพบกับประชาชนเอง ซึ่งจะทำให้คนกลุ่มนี้ มีโอกาสได้รับบริการทางการแพทย์
“บางครอบครัวที่เราพบ เป็นผู้สูงอายุ ไม่มีรายได้อะไร อาศัยเพียงเงินชราภาพจากรัฐ การไปพบหมอ ต้องจ้างมอเตอร์ไซต์ ครั้งละ 50 บาท เงิน 50 บาท ของคนกลุ่มนี้ถือว่าเป็นเงินที่มาก ดังนั้น ระบบเทเลเมดิซีนจึงจะมีส่วนช่วยคนกลุ่มนี้ให้เข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้ “
นพ.ไชยนันท์ รองนายกฯอบจ.กล่าวอีกว่า ระบบเทเลเมดิซีนของลำปาง ที่พัฒนาขึ้น จะมีการพัฒนาไปเรื่อยๆอีก จะมีการเชื่อมโยงระบบกับระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และเชื่อมกับระบบโทรศัพท์มือถือ ซึ่งจะทำให้ชาวบ้านเข้าถึงในการได้พบกับแพทย์ทางอินเตอร์เน็ต สร้างความสะดวกรวดเร็ว