NT กัดฟันโชว์กำไร 4 พันล้าน เร่ง JV ปั๊มรายได้ชะลอแผนลดคน
GH News August 14, 2025 09:23 AM

แม้ บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ (NT) จะอยู่ท่ามกลางมรสุมที่สัมปทานคลื่น 850, 2100 และ 2300 MHz กำลังจะหมดอายุในเดือน ส.ค.นี้ ส่งผลถึงรายได้ครึ่งปีหลังจะหายไปแน่ ๆ นับหมื่นล้านบาท แต่ “สรรพชัยย์ หุวะนันทน์” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ (NT) ย้ำว่า ในสิ้นปี 2568 ต้องมีกำไรให้ได้หลังได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ให้ออกจากแผนฟื้นฟูกิจการแล้วเมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา

และว่า NT จะต้องดำเนินงานตามเป้าหมายอย่างเข้มข้น และเคร่งครัด ภายใต้การกำกับของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เน้นตอบโจทย์แผนยุทธศาสตร์หลักในการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย การสนับสนุนภารกิจภาครัฐ และการพัฒนาองค์กร

“การออกจากแผนฟื้นฟูทำให้มีความเป็นอิสระมากขึ้น จึงมีโอกาสที่จะผลักดันธุรกิจใหม่เข้ามาทดแทนรายได้จากธุรกิจโมบายที่หายไปจากสัมปทานคลื่นหมดอายุ”

สาเหตุที่ NT ออกจากแผนฟื้นฟูกิจการมาได้ มาจากผลประกอบการครึ่งปีแรก 2568 ที่มีรายได้รวม 41,118 ล้านบาท จากธุรกิจโมบาย, บรอดแบนด์, โครงสร้างพื้นฐาน และบริการดิจิทัล มีกำไรสุทธิ 4,110 ล้านบาท และคาดว่าในสิ้นปีจะมีรายได้รวม 67,525 ล้านบาท และยังคงมีกำไรที่ 361ล้านบาท

เร่งปั๊มรายได้ธุรกิจใหม่

“เราไม่อยากกลับเข้าไปสู่แผนฟื้นฟูกิจการอีกแล้ว ดังนั้นในครึ่งปีหลังที่รายได้โมบายจะหายไปกว่าหมื่นล้านบาท ต้องหารายได้จากธุรกิจใหม่ เช่น ธุรกิจดาวเทียม ที่เป็นพันธมิตรให้บริการเกตเวย์สำหรับเครือข่ายดาวเทียม Eutelsat One Web ทำให้มีรายได้เข้ามาแล้วกว่า 200 ล้านบาท ถือเป็นต้นแบบความสำเร็จในการร่วมมือกับผู้ให้บริการรายอื่น ๆ รองรับการใช้งานโดรนที่ควบคุมด้วยระบบดาวเทียมในอนาคต ทั้งยังมีส่วนที่ร่วมทุนกับไทยคม 4 ทำให้ธุรกิจในกลุ่มดาวเทียมมีรายได้เข้ามาทดแทนแล้วนับพันล้านบาท”

และในระหว่างนี้ยังจะมีการเจรจากับพันธมิตรดาวเทียมวงโคจรต่ำอื่น ๆ ด้วย คาดว่าภายในสิ้นปีจะมีเข้ามาในประเทศไทยอีกราย

“บริการบรอดแบนด์จากดาวเทียมวงโคจรต่ำ เราจะคงสถานะเป็นกลาง เปิดรับการเป็นพันธมิตรกับทุกฝ่าย และใช้วิธีขายส่งให้บริษัทดาวเทียมรายอื่น ๆ และเปิดกว้างเพื่อให้อุตสาหกรรมเติบโต เรามองว่าเรื่องดาวเทียมเป็นโอกาสใหม่ ๆ ที่อยากให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง”

แม่ทัพ NT กล่าวต่อว่า จะเดินหน้าแสวงหาความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อสร้างรายได้ใหม่ โดยจะเน้นด้านดิจิทัล และบริการคลาวด์ และธุรกิจดาวเทียม ซึ่งการพัฒนาธุรกิจบริการระบบดาวเทียมวงโคจรต่ำ (LEO) เป็นหนึ่งในโอกาสสร้างรายได้ระยะยาว

ทั้งยังมีแผนขยายตลาดในส่วนภูมิภาคในส่วนของบริการกลุ่มดิจิทัล, ดาต้าคอม, บรอดแบนด์, CCTV, SI และอสังหาริมทรัพย์ ผ่านทีมขายในส่วนภูมิภาคโดยมุ่งเจาะลูกค้ากลุ่มองค์กรเป็นหลัก และพยายามควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายทุกด้าน คาดว่าจะสามารถเพิ่มระดับกำไรสุทธิเข้าเป้าตามแผน

ชะลอแผนลดคน

“องค์กรในปัจจุบัน มีคนเหลืออยู่ที่ 1-1.2 หมื่นคน ขณะที่การปรับลดขนาดองค์กรตามแผนฟื้นฟูจะต้องให้เหลือ 7 พันคน แต่ปีนี้เราชะลอนโยบายจูงใจลาออก เพื่อให้มีเงินเหลือพอที่จะนำไปลงทุนธุรกิจต่าง ๆ เพื่อหารายได้ใหม่ ๆ เพราะไม่อยากกลับเข้าไปอยู่ในแผนฟื้นฟูอีกแล้ว”

การหลุดจากแผนฟื้นฟูทำให้การออกไปลงทุนในธุรกิจอื่น ๆ ทำได้ง่ายขึ้น คาดว่าในครึ่งปีนี้จะเห็นความเคลื่อนไหวใหญ่ ๆ หลายอย่าง เช่น การตั้ง Joint Venture ขนาดใหญ่อีกแห่ง รวมถึงเพิ่มน้ำหนักบริษัทที่ลงทุนไปแล้ว อย่าง INET ซึ่งมีรายได้ต่อเนื่อง

“เราถือหุ้น iNET ราว 24% จ่ายปันผลให้เราปีละร้อยกว่าล้าน จึงจะเข้าไปเพิ่มสัดส่วนหุ้น และเข้าไปจัดความสัมพันธ์ใหม่ เช่น ถ้าโปรดักต์ของ iNET ให้บริการลูกค้าภาครัฐได้ เราจะนำมาทำตลาดเอง เพราะตลาดภาครัฐคือจุดแข็งของเรา เป็นต้น”

นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะเข้าไปลงทุนในบริษัทด้าน Software as a Service รวมถึงหาความเป็นไปได้ในการเข้าไปถือหุ้นบริษัทด้านความปลอดภัยไซเบอร์เพิ่มอีกด้วย

“อีกส่วนที่จะเป็นธุรกิจดาวรุ่ง คือ บริการดิจิทัลในส่วนคลาวด์ ตามนโยบายGo Cloud First Policy ดีกับ NT ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการคลาวด์ อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาระดับขั้นความลับของข้อมูลภาครัฐ เพื่อชี้ให้ชัดว่าอะไรเอาขึ้นคลาวด์ได้ และต้องขึ้นคลาวด์กลางภาครัฐ หรือของเอกชน เรายังพูดคุยกับบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ของไต้หวัน ที่ทำเรื่องเซ็นเซอร์อัจฉริยะ เราไม่อยากแค่จัดหาพื้นที่ให้เขาเข้ามาตั้งโรงงานผลิตเฉย ๆ แต่อยากหาดีมานด์ในไทย เพื่อให้เกิดการย้ายซัพพลายเชนมาด้วย”

หาพันธมิตรในธุรกิจเดิม

ในส่วนธุรกิจดั้งเดิมที่เคยเป็นรายได้หลัก คือ โมบาย และบรอดแบนด์ “สรรพชัยย์” กล่าวว่า การหมดอายุใบอนุญาตคลื่นความถี่ 850 MHz, 2300 MHz และ 2100 MHz ในเดือนสิงหาคมนี้นับเป็นช่วงเวลาสำคัญอย่างมากในการปรับทิศทางธุรกิจของ NT และปัจจุบันได้โอนย้ายลูกค้า และให้บริการอย่างต่อเนื่องบนคลื่น 700 MHz พร้อมกับลดต้นทุนค่าโรมมิ่งโดยปรับแพ็กเกจมาเน้นบริการ 4G ซึ่งลูกค้า MY by NT เพียงพอต่อการใช้งาน ทั้งการ โทร.และการใช้อินเทอร์เน็ต

ขณะที่ธุรกิจบรอดแบนด์ที่มีลูกค้าเกือบสองล้านรายยังไม่มีกำไร แต่มีศักยภาพสูงจึงต้องหาพันธมิตรเข้ามาร่วมทำตลาด ที่ผ่านมามีผู้สนใจ 4 ราย ประกอบด้วย เอไอเอส และทรู อีก 2 รายเป็นผู้ประกอบการจากต่างประเทศ โดยทั้งหมดทำข้อเสนอมาหมดแล้ว คาดว่าภายในสิ้นปีจะเคาะคุณสมบัติของพันธมิตรที่ต้องการได้ ก่อนเข้าสู่กระบวนการคัดเลือกต่อไป

ส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ถือเป็นเป้าหมายสำคัญที่เน้นผลักดันเพิ่มขึ้น เพื่อสร้างรายได้จากพื้นที่เช่าในทำเลศักยภาพสูงทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดต่าง ๆ ขณะนี้มีลูกค้าสนใจทำสัญญาแล้วในหลายพื้นที่

“NT ปรับการใช้พื้นที่โซนอาคารสำนักงานแจ้งวัฒนะ ทำให้ได้พื้นที่ว่างเพิ่มขึ้นราว 10,000 ตารางเมตร”

หนุนไทย Digital Hub

“สรรพชัยย์” กล่าวว่า แม้คลื่น 850 MHz จะหมดอายุไป แต่ NT ได้ทำข้อเสนอขอจัดสรรคลื่นดังกล่าวไปใช้ในการบริการสาธารณะ สนับสนุนภารกิจภาครัฐ และยุทธศาสตร์ประเทศ ด้วยการใช้คลื่น 850 MHz ร่วมกับคลื่นความถี่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และคลื่น Digital Trunk เพื่อประโยชน์ของประเทศด้านความมั่นคง และรองรับการสื่อสารในภาคธุรกิจ และกรณีภัยพิบัติ

“มั่นใจว่า NT ในฐานะโอเปอเรเตอร์ภาครัฐสามารถดำเนินการด้วยความพร้อมของอุปกรณ์โครงข่ายและบุคลากรทั่วประเทศ ช่วยสนับสนุนภารกิจหน่วยงานรัฐ และหน่วยงานความมั่นคงได้เต็มที่ โดยเฉพาะด้านการป้องกันบรรเทาสาธารณภัย และภัยพิบัติ”

สำหรับสัดส่วนรายได้ของ NT ปัจจุบันเปลี่ยนไป เพราะธุรกิจโมบายที่เคยเป็นรายได้หลักจะลดลงเหลือไม่ถึง 10% ถัดมาเป็นบรอดแบนด์อยู่ที่ 50% ธุรกิจบริการดิจิทัล 15% อีก 10% เป็นเรื่องเสา, สาย โครงสร้างพื้นฐาน ซึ่ง NT พร้อมสนับสนุนนโยบาย ASEAN Digital Hub ขับเคลื่อนประเทศเป็นศูนย์กลางอาเซียนด้าน Connectivity รองรับการลงทุนด้านดิจิทัลของ Hyper Scale ต่างประเทศที่จะเข้ามาใช้ได้ทันที ด้วยการเพิ่มเส้นทางเชื่อมโยงเคเบิลใต้น้ำ และภาคพื้นดินอย่างพอเพียง

โดยเฉพาะเส้นทางสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ต่าง ๆ ทั้งเส้นทางเชื่อมต่อฝั่งอันดามัน-อ่าวไทย และไทย-สิงคโปร์ รวมถึงบาลานซ์ทราฟฟิกออกนอกประเทศ และระหว่างบนพื้นดิน และใต้น้ำ รวมถึงส่งเสริมประเทศไทยด้านความมั่นคง และการเป็นผู้นำด้านสื่อโทรคมนาคมของภูมิภาคในอนาคต

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.