CPAXT ครึ่งแรกปี'68 กำไร 4,929 ล้านบาท ครึ่งหลังลุยปรับสาขา-ใช้งาน AI
GH News August 14, 2025 09:42 AM

ซีพี แอ็กซ์ตร้า (CPAXT) เปิดผลงานครึ่งแรกของปี 2568 ทำรายได้ 2.59 แสนล้านบาท กำไร 4,929 ล้านบาท แพลตฟอร์มออนไลน์-สินค้าอาหารสด เติบโตขึ้น เตรียมจ่ายปันผลหุ้นละ 0.18 บาท วันที่ 5 ก.ย.นี้ พร้อมเปิด 3 กลยุทธ์ครึ่งปีหลัง ปรับปรุงสาขา-ใช้ AI 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) (CPAXT) ผู้นำธุรกิจค้าส่งค้าปลีก “แม็คโคร-โลตัส” ประกาศผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2568 เติบโตต่อเนื่อง ทำรายได้รวม 259,030 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 4,929 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

โดยมียอดขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นถึง 34% และยอดขายกลุ่มสินค้าอาหารสดที่เติบโตอย่างต่อเนื่องกว่า 10% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน สะท้อนความสำเร็จจากแผนกลยุทธ์ที่มุ่งพัฒนาสินค้าและช่องทางการขายที่หลากหลาย รองรับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่

นายธานินทร์ บูรณมานิต ประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มบริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) เผยว่า ผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2568 บริษัทสามารถรักษาการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แม้เผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ บริษัทยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต้นทุนจากการควบบริษัท (Synergistic value) ส่งผลให้ผลประกอบการโดยรวมแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

ขณะที่ทิศทางการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง ยังคงมุ่งเน้นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ผ่านกลยุทธ์สำคัญ ได้แก่

เดินหน้าสร้างการเติบโตในทุกช่องทางจำหน่าย ทั้งการขายนอกร้าน การส่งสินค้าถึงลูกค้า (Omni Channel) ควบคู่การขยายและปรับปรุงสาขา

พัฒนาสินค้า โดยเฉพาะการเสริมแกร่งสินค้า Private Label และ สินค้าแบรนด์ในราคาที่คุ้มค่าที่มีจำหน่ายเฉพาะที่แม็คโคร-โลตัส พร้อมต่อยอดสินค้าอาหารพร้อมปรุง-พร้อมทาน (RTC–RTE)

นำ AI เข้ามาเสริมประสิทธิภาพการดำเนินงานในหลากหลายมิติ ตั้งแต่การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก การทำการตลาดแบบเจาะจง การบริหารจัดการสินค้า ไปจนถึงการพัฒนาการขายออนไลน์ ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างแม่นยำ ซึ่งช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ผลักดันทั้งยอดขายและกำไรขั้นต้นให้เติบโต พร้อมช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังให้เติบโตได้ตามเป้าหมาย

นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตรา 0.18 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 21 สิงหาคม 2568 และกำหนดจ่ายในวันที่ 5 กันยายน 2568

ซีพี แอ็กซ์ตร้า มุ่งขับเคลื่อนธุรกิจสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนตามหลัก ESG (Environmental, Social, and Governance) สอดคล้องกับเป้าหมายความยั่งยืนของเครือเจริญโภคภัณฑ์ และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ (UNSDGs) ผ่านโครงการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ การใช้รถขนส่งไฟฟ้าปลอดมลพิษในระบบโลจิสติกส์ การบริหารจัดการขยะและลดปัญหาขยะพลาสติกอย่างยั่งยืน ผ่านโครงการ “AXTRA Green Together” โดยมุ่งเป้าลดปริมาณขยะอาหารสู่หลุมฝังกลบเป็นศูนย์ ภายในปี 2030

อีกทั้ง ในด้านธรรมาภิบาล ซีพี แอ็กซ์ตร้า ตอกย้ำแนวทาง AXTRA: Good Governance for Sustainable Growth ขับเคลื่อนวัฒนธรรมการทำงานที่โปร่งใส มีความรับผิดชอบ และให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม รวมถึงดูแลผู้ถือหุ้นทุกรายอย่างเท่าเทียม เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน

เปิดข้อมูล

รายละเอียดจากคำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ ไตรมาสที่ 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. 2568 ที่ CPAXT เปิดเผยต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ระบุถึงผลการดำเนินงานของธุรกิจค้าส่ง (Makro) และธุรกิจค้าปลีก (Lotus’s)

โดยธุรกิจค้าส่ง มีรายได้จากการขายสินค้า 138,687 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 2.8% จากครึ่งปีแรกของปี 2567) มีรายได้รวม 140,897 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 2.2% จากครึ่งปีแรกของปี 2567)

ขณะที่จำนวนศูนย์จำหน่ายสินค้า ณ สิ้นครึ่งปีแรกของปี 2568 พบว่า มีจำนวน 179 สาขาทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ คิดเป็นพื้นที่จำหน่ายสินค้ารวม 958,269 ตารางเมตร แบ่งเป็น

  • ประเทศไทย มีศูนย์จำหน่ายสินค้า 169 แห่ง (จากช่วงครึ่งแรกของปี 2567 มี 161 สาขา) มีพื้นที่ขายรวม 914,014 ตารางเมตร
  • ต่างประเทศ มีศูนย์จำหน่ายสินค้า 10 สาขา (จากช่วงครึ่งแรกของปี 2567 มี 9 สาขา) มีพื้นที่ขายรวม 44,255 ตารางเมตร

ทั้งนี้ ระหว่างสิ้นไตรมาส 2 ของปี 2567 ถึงสิ้นไตรมาส 2 ของปี 2568 ธุรกิจค้าส่งมีการเปิดสาขาใหม่ จำนวน 10 สาขา และปิดสาขาจำนวน 1 สาขาขนาดเล็ก

ขณะที่กลุ่มธุรกิจค้าปลีก มีรายได้จากการขายสินค้า 109,954 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 2.2% จากช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567) มีรายได้รวม 118,133 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 1.8% จากช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567)

ขณะที่จำนวนศูนย์จำหน่ายสินค้า ณ สิ้นครึ่งปีแรกของปี 2568 พบว่า มีจำนวน 2,570 สาขา ทั้งในประเทศไทยและมาเลเซีย คิดเป็นพื้นที่จำหน่ายสินค้ารวม 1,826,074 ตารางเมตร แบ่งเป็น

  • ประเทศไทย มีศูนย์จำหน่ายสินค้า 2,500 แห่ง (จากช่วงครึ่งแรกของปี 2567 มี 2451 สาขา) มีพื้นที่ขายรวม 1,525,215 ตารางเมตร
  • มาเลเซีย มีศูนย์จำหน่ายสินค้า 70 สาขา (จากช่วงครึ่งแรกของปี 2567 มี 69 สาขา) มีพื้นที่ขายรวม 300,859 ตารางเมตร

ทั้งนี้ ระหว่างสิ้นไตรมาส 2 ของปี 2567 ถึงสิ้นไตรมาส 2 ของปี 2568 ธุรกิจค้าส่งมีการเปิดสาขาใหม่ จำนวน 138 สาขา และปิดสาขาจำนวน 88 สาขา

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.