ทวี-เดชอิศม์ แถลงยึดยาไอซ์ 900 กิโล มูลค่า 135 ล้าน พบส่งจากภาคกลางไปนราธิวาส แถมยังขยายผลยึดทรัพย์อีกแก๊งได้ 20 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 16 ส.ค.68 ที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า อ.ยะลา จ.ยะลา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกฯ มอบหมายให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม
พร้อมด้วย นายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย ลงพื้นที่จ.ยะลา แถลงผลการจับกุมนักค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมี พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการ ศอ.บต. พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 พล.ต.ต.อาชาน จันทร์ศิริ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 นายวิชาญ ชัยเศรษฐสัมพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส และผู้แทน ผอ.ป.ป.ส. ภาค 9 ร่วมแถลงข่าว โดยยึดของกลางไอซ์ 900 กก. และอายัดทรัพย์สินมูลค่า 20 ล้านบาท
การปฏิบัติการในครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลที่ถือให้การปราบปรามยาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นทั้งแหล่งพักยาและเส้นทางลำเลียงสำคัญไปสู่ประเทศเพื่อนบ้าน ด้วยความร่วมมือของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า, และ ป.ป.ส. ทำให้สามารถทลายเครือข่ายค้ายาเสพติดรายใหญ่ได้ถึง 2 เครือข่าย
ปฏิบัติการนี้เริ่มต้นจากการสืบสวนเชิงลึกของเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส นานกว่า 2 เดือน โดยรับแจ้งข้อมูลลับว่าจะมีขบวนการลำเลียงยาเสพติดล็อตใหญ่จากภาคกลางเข้ามาในพื้นที่ จ.นราธิวาส จนกระทั่งวันที่ 14 ส.ค.68 เวลาประมาณ 03.30 น. เจ้าหน้าที่รับแจ้งจากสายลับว่ามีการนัดส่งมอบยาไอซ์ในพื้นที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส จึงแบ่งกำลังเป็น 2 ชุด เข้าติดตามและวางกำลังซุ่มในบริเวณที่นัดหมาย
เจ้าหน้าที่พบรถกระบะต้องสงสัยซึ่งขับโดย นายจีรพงษ์ อายุ 37 ปี และแสดงตัวเข้าจับกุม นายจีรพงษ์ยอมรับว่าได้นำรถยนต์มาจอดไว้ เพื่อรอให้บุคคลอื่นมารับช่วงต่อ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ จึงติดตามไปจนพบรถคันดังกล่าวจอดอยู่ห่างออกไป 4 กิโลเมตร และเมื่อนำตัวนายจีรพงษ์ไปชี้จุดตรวจค้น พบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ซุกซ่อนในกระสอบ 30 กระสอบ รวมน้ำหนักประมาณ 900 กิโลกรัม มูลค่าสูงถึง 135 ล้านบาท นอกจากนี้ยังยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องในคดีอีกมูลค่ากว่า 800,000 บาท
อีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญเป็นการขยายผลจากคดีเก่าในวันที่ 12 มิ.ย.68 ซึ่งเจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องหาพร้อมยาไอซ์ 615 กก. ใน อ.สุไหงโก-ลก และศาลจังหวัดนราธิวาสได้อนุมัติหมายจับผู้ร่วมขบวนการที่หลบหนีอีก 4 คน
ต่อมาวันที่ 14 ส.ค.68 ตำรวจ กก.สส.2 บก.สส.จชต. ร่วมกับ ป.ป.ส.ภาค 9 และดีเอสไอ สนธิกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย 5 แห่งใน อ.สุไหงโก-ลก เพื่อดำเนินการตามมาตรการต่อทรัพย์สิน โดยสามารถยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำผิดได้ถึง 13 รายการ รวมมูลค่าประมาณ 20,000,000 บาท
ทรัพย์สินที่อายัดได้ประกอบด้วย ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง 2 แปลง รถยนต์ 4 คัน รถจักรยานยนต์ 1 คัน ทองรูปพรรณ 9 รายการ เงินสด รวม 50,000 บาท และ 10,000 ริงกิตมาเลเซีย อาวุธปืน 3 กระบอก นาฬิกาข้อมือ 15 เรือน เครื่องประดับ 14 ชิ้น กระเป๋าหนัง 26 ใบ ล้อแม็ครถยนต์ 4 ล้อ เจ็ตสกี 2 ลำ แม้จะยังไม่พบตัวผู้ต้องหาตามหมายจับ แต่การยึดทรัพย์สินในครั้งนี้ก็ถือเป็นการตัดท่อน้ำเลี้ยงและทำลายเครือข่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเดินหน้าสืบสวนขยายผลและติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการที่ยังหลบหนีต่อไปอย่างต่อเนื่อง
พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ขอชื่นชมการทำงานของฝ่ายความมั่นคงที่ได้บูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วน นำมาสู่การจับกุมในครั้งนี้ โดยรายแรกเป็นการนำยาเสพติดจากชายแดนบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ เป้าหมายอยู่ที่ตากใบ ยาไอซ์ 900 กิโลกรัม รายที่ 2 เป็นการขยายเครือข่ายจากการจับยาไอซ์เมื่อครั้งที่แล้ว และยังมีทรัพย์สินอยู่จึงนำมาสู่การยึดทรัพย์
“วันนี้รัฐบาลให้ความสำคัญในเรื่องการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเด็ดขาด และเราจะแก้ให้ครบทุกวงจร ซึ่งรวมถึงกระท่อมและกัญชา ที่ตอนนี้ไม่มีกฎหมายควบคุมโดยตรง แต่ทั้งสองสิ่งก็เป็นภัยกับประชาชน จึงต้องขอชื่นชมผลงานของกองทัพภาคที่ 4 กอ.รมน. ตำรวจ ฝ่ายปกครอง เราจะไม่ปล่อยให้ยาเสพติดมาทำร้ายประชาชนอีก เพราะหากยาเสพติดอยู่ในพื้นที่ภาคใต้ชายแดน นอกจากทำให้ระบบเศรษฐกิจเสียหายแล้ว ยังจะไปก่อให้เกิดความไม่สงบในภาคใต้ แล้วก็ทำให้ครอบครัวแตกแยกด้วย”
นายเดชอิศม์ กล่าวว่า ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาสำคัญระดับต้นๆ ของประเทศที่รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวด และประกาศเป็นวาระแห่งชาติ ในการกวาดล้างเครือข่ายขบวนการยาเสพติดให้หมดไปจากประเทศไทย ซึ่งนายภูมิธรรมได้มีนโยบายที่ชัดเจนในการบูรณาการร่วมกันทั้งฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ ป.ป.ส. DSI สาธารณสุข ตามที่ได้ประกาศปฏิบัติการ “No Drugs No Dealers สู่ Zero Drugs Thailand” ประเทศไทยต้องปลอดยาเสพติด ต้องไม่มีทั้งผู้เสพ และผู้ค้า
ดังนั้นเมื่อเราจับได้เราก็ต้องย้อนไปที่ต้นทางให้ได้ว่ามาจากไหน มาอย่างไร แล้วปลายทางไปจบที่ใคร ต้องขุดรากถอนโคนขบวนการนี้ให้ได้ทั้งหมด จึงขอฝากไปยังขบวนการค้ายาเสพติดทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง เบื้องหน้าหรือผู้สมคบว่า ต่อไปนี้ถ้ายังไม่เลิก ก็จะอยู่แบบปกติสุขในประเทศไทยไม่ได้เลยอย่างเด็ดขาด