ฤดูกาลใหม่ของสโมสร "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" ทีมยักษ์ใหญ่ของพรีเมียร์ลีก ประเทศอังกฤษ เริ่มต้นฤดูกาลใหม่ 2025-26 ท่ามกลางแรงกดดัน หลังปีที่ผ่านมาอันดับร่วงต่ำกว่ามาตรฐานและชวดตั๋วยุโรป ทำให้การเสริมทัพซัมเมอร์นี้กลายเป็นโจทย์สำคัญของกุนซือ “รูเบน อโมริม” ที่ต้องพิสูจน์ว่าทีมยังอยู่ในเส้นทางลุ้นความสำเร็จหรือไม่
โดยเกมแรกในฤดูกาล 2025/26 ยังคงทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวัง เมื่อเปิดรังปราชัยให้กับ "อาร์เซนอล" 0-1 ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้สโมสรได้ทุ่มเงินซื้อนักเตะเข้ามาเสริมทัพหลายราย
รายชื่อแข้งใหม่ที่ถูกดึงเข้าสู่ถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด ได้แก่ "มาเธอุส คุนญา" จากวูล์ฟส์ (62.5 ล้านปอนด์) "ไบรอัน เอ็มเบอโม" จากเบรนท์ฟอร์ด (65 ล้านปอนด์) "เบนจามิน เซสโก" จากอาร์บี ไลป์ซิก (66.3 ล้านปอนด์) "ดิเอโก เลออน" จาก เซร์โร ปอร์เตโน (7 ล้านปอนด์)
จุดแข็งที่เติมเต็ม "เอ็มเบอโม่" มีความเร็วและความหลากหลายในการเข้าทำ ตอบโจทย์เกมริมเส้นที่ยูไนเต็ดขาดมานาน "เซสโก้" เป็นกองหน้าร่างใหญ่ เพิ่มมิติการเข้าทำทั้งลูกกลางอากาศและการพักบอล และ "คุนญ่า" มีความสามารถเชื่อมเกมและยืดหยุ่นในแดนรุก ที่เคยฝืด กลับดูมีสีสันมากขึ้นและน่าจะช่วยปลดล็อกปัญหาการทำประตูได้ระดับหนึ่ง
ขณะที่ ยังมีช่องโหว่ที่ยังไม่ได้แก้ แม้เกมรุกดูน่าตื่นตา แต่แดนกลางเชิงรับและเกมรับ ยังเป็นจุดอ่อนที่ไม่ได้เสริมทัพอย่างจริงจัง การไม่ปิดดีลมิดฟิลด์ตัวรับที่เชื่อมระหว่างเกมรุกและเกมรับ ทำให้ยูไนเต็ดยังเสี่ยงจะเจอปัญหาเดิมในแมตช์ใหญ่ ทำให้โอกาสลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก อาจยังเร็วไป เนื่องจากทีมยังไม่สมดุลทุกตำแหน่ง
ส่วนโอกาสลุ้นตั๋วยุโรป หากแนวรุกใหม่ปรับตัวได้เร็ว มีโอกาสกลับมาลุ้นพื้นที่ TOP 4–6 ได้ แต่ต้องอาศัยความสม่ำเสมอ และไม่สะดุดกับเกมที่ควรเก็บสามแต้ม
การเสริมทัพฤดูกาล 2025–26 ของแมนฯ ยูไนเต็ด ถือว่าลงทุนมหาศาลในแนวรุก และค่อนข้างคุ้มค่าในเชิงศักยภาพ แต่หากถามว่าจะเพียงพอสำหรับการทวงแชมป์พรีเมียร์ลีกหรือไม่ คำตอบคือ “ยังไม่ใช่ตอนนี้” อย่างไรก็ตาม หากทุกอย่างลงตัว พวกเขายังมีลุ้นกลับมาสู่เวทียุโรปในซีซันถัดไป