แม้ถ้าเปิดตัว ทำตลาดในบ้านเราล่าช้ากว่ากำหนดเดิมไปหลายช่วงตัว สำหรับรถยนต์นั่งขนาดเล็ก โตโยต้า ยาริส เอทีฟ ไฮบริด (YARIS ATIV HEV) ที่ต่อยอดมาจากแพลตฟอร์มของโตโยต้า ยาริส ครอส รถครอสโอเวอร์ (B-SUV) ทั้งในส่วนของเครื่องยนต์ เกียร์ และช่วงล่าง

ส่วนรูปร่างนั้นคือต่อยอดจากรถยาริส เอทีฟ 1.2 ลิตร ICE

โตโยต้าทำการบ้านตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ดีมาก

“ประชาชาติธุรกิจ” มีโอกาสได้สัมผัสกับ โตโยต้า ยาริส เอทีฟ ไฮบริด ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อสัปดาห์ก่อน รถมีให้เลือก 2 รุ่นย่อย คือรุ่น HEV Premium และ HEV GR Sport

หัวใจหลักคือการพัฒนาเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ไฮบริด ทำงานผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ลิเทียมไอออน ให้กำลังสูงสุด 111 แรงม้า ผสานกับเกียร์อัตโนมัติ e-CVT โดยการปรับรอบอัตราทดเกียร์สุดท้ายใหม่

เมื่อคิดต่อรอบจะได้อัตราทดที่น้อยกว่า นั้นหมายความว่า ยาริส เอทีฟ ไฮบริด จะมอบความประหยัดมากกว่า โตโยต้า ยาริส ครอส

ขณะที่น้ำหนักตัว เมื่อเทียบกันรถยาริส เอทีฟ ไฮบริด มีขนาดที่มากกว่ารุ่น 1.2 ลิตรราว ๆ 100 กิโลกรัม

แน่นอนว่า โตโยต้าปรับจูนข้างต้น เพื่อให้เกิดประสิทธิผลด้านการขับขี่และความประหยัด โดยเคลมอัตราสิ้นเปลืองไว้ที่ 29.4 กิโลเมตรต่อลิตร

หน้าตาภายนอกของรถคันนี้ คือ รุ่น HEV Premium การออกแบบเน้นความเรียบง่ายมีสไตล์ โดดเด่นด้วยกระจังหน้าด้านบนโครเมี่ยมรมดำ ส่วนด้านล่างสีเทาเมทัลลิก ไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED

กระจกด้านข้างสีเดียวกับตัวรถ พร้อมไฟเลี้ยว LED พับเก็บอัตโนมัติ ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว ดีไซน์ใหม่

เบาะนั่งสีดำ-เทาทีมโตโยต้าออกแบบใหม่เน้นวัสดุของเบาะให้มีความยืดหยุ่น ระบายอากาศได้ดี นั่งแล้วให้ความรู้สึกโอบกระชับ นั่งสบายกว่าเวอร์ชั่นก่อน

แถมทัศนวิสัยหลังพวงมาลัยดูลงตัวกว่า การขับคุมพวงมาลัยเอง ก็ทำให้มั่นอกมั่นใจกว่า ตรงนี้ได้ความว่ามีการปรับจูนใหม่เช่นเดียวกัน

การออกแบบและจัดวางบริเวณคอนโซลหน้า แทบจะยกมาจากโตโยต้า ยาริส ครอส ทั้งหน้าจอสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย โตโยต้ายังเพิ่มที่ชาร์จไฟแบบไร้สายมาให้

เบรกมือไฟฟ้า EPB พร้อมระบบหน่วงเบรกอัตโนมัติ ABH

ระบบปรับอากาศอัตโนมัติพร้อมช่องปรับอากาศตอนหลัง และระบบกรอง PM 2.5 ไฟสร้างบรรยากาศ 64 เฉดสี มีมาครบ

ส่วนระบบความปลอดภัยนั้น มากับ Toyota Safety Sense ที่ใส่ฟังก์ชั่น การรักษารถอยู่ในเลน LKC, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน ทำงานคู่กับ Adaptive Cruise Control แบบ All-speed

มี BAM ช่วยในเรื่องการมองจุดอับสายตา, ระบบช่วยเตือนขณะถอยจอด RCTA, กล้องมองรอบคัน PVM, สัญญาณกะระยะด้านหน้า 2 ตำแหน่ง ด้านหลัง 4 ตำแหน่ง, กล้องบันทึกภาพด้านหน้า DVR และถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง

เรียกว่าโตโยต้า จัดอัพเกรดเรื่องระบบช่วยเหลือความปลอดภัยต่าง ๆ มาให้ครบครัน

เราทดสอบในเส้นทางบางนา มุ่งหน้าสู่ จ.ระยอง แล้วไปสิ้นสุดที่ อ.พัทยา จ.ชลบุรี จังหวะออกตัวของรถถือว่าตอบสนองได้ดี บางจังหวะที่ต้องซอกแซกบนถนนบางนา-ตราด พวงมาลัยตอบสนองและควบคุมได้ดี จังหวะเบรกหรือช่วงการจราจรติดขัด ความรู้สึกส่วนตัว ในจังหวะคุมแป้นเบรกนั้นทำได้สมูทขึ้น

การทดสอบเราเลือกใช้หลัก คือ โหมดอีโค ช่วงแรกของการทดสอบวิ่งด้วยความเร็วเฉลี่ย 80-90-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดย 127 กิโลเมตรแรก อัตราสิ้นเปลืองทำได้ 27.6 กิโลเมตรต่อลิตร ถือว่าน่าพอใจ

เมื่อพ้นช่วงแรกของการทดสอบ เราเติมความเร็วและปรับการขับขี่ มาเน้นการวิ่งด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้น

ต้องบอกว่าโตโยต้าปรับจูนช่วงล่างด้านหน้า-ด้านหลังมาใหม่ ทำให้รถคันนี้มีความเฟิร์มมากขึ้น ขับแล้วมีความรู้สึกมั่นใจกว่ารุ่นก่อนเยอะ

แถมจังหวะกดคันเร่งเรียกความเร็วขึ้นมานั้น อาการเข่นเค้นของเครื่องยนต์นั้น “สมูท” ขึ้น กำลังของรถพร้อมตอบสนอง ที่สำคัญ ต้องชมอีกจุดคือ การเก็บเสียงภายในห้องโดยสารนั้น ทำออกมาได้ดีขึ้น อย่างเห็นได้ชัด

เรียกว่าขับกันเพลิน ๆ จนไปถึงจุดสิ้นสุดของการทดสอบ รวมระยะทางทั้งสิ้น 293 กิโลเมตร อัตราสิ้นเปลืองทำได้ 24.8 กิโลเมตรต่อลิตร ขับด้วยความเร็วจะเฉลี่ย 110-120 กิโลเมตรต่อลิตร ถือว่าประหยัดใช้ได้

ถึงตรงนี้ต้องบอกว่า โตโยต้า ยาริส เอทีฟ ไฮบริด เป็นรถซิตี้คาร์ที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานในเมืองที่พร้อมตอบสนองการขับขี่ หรือจะใช้รถออกไปวิ่งต่างจังหวัดก็ยังทำได้ ด้วยจุดเด่นที่โตโยต้าตั้งใจพัฒนาให้รถคันนี้เป็นทางเลือกที่

“ประหยัด สะดวก คุ้มค่า คุ้มราคา”

ด้วยค่าตัว 719,000 บาท ซึ่งเป็นราคาพิเศษยืนระยะไปจนถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2568 ก่อนที่ 1 ม.ค. 2569 จะขยับราคาอีก 10,000 บาท