ค่าเงินรูปีอินเดียร่วงลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐและหยวน เนื่องจากความกังวลจากภาษีนำเข้าจากสหรัฐ 50% อาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ
บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า ค่าเงินรูปีของอินเดียร่วงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ เมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยเป็นผลสืบเนื่องจากความกังวลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศ จากผลกระทบของภาษีนำเข้า 50%
วันที่ 29 ส.ค. ค่าเงินรูปีอ่อนค่าลงไปถึง 0.6% โดยมีอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 88.1712 รูปี ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ ทะลุยอดนิวโลว์ ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ นับจากเดือน ก.พ. ที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 87.9563 รูปี ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ในปี 2025 นี้ เงินรูปีเป็นสกุลเงินที่อ่อนค่าที่สุดในเอเชีย อีกทั้งยังได้รับแรงกดดันจากกระแสเงินทุนไหลออกจากตลาดหุ้นภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง
มาตรการภาษี 50% มุ่งเป้าไปที่อุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานและเน้นการส่งออกเป็นหลัก เช่น เสื้อผ้า สิ่งทอ อัญมณี เครื่องประดับ และรองเท้า โดย Citigroup Inc. บริษัทผู้ให้บริการทางการเงินจากสหรัฐ ประเมินว่าภาษีดังกล่าวอาจลดอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจต่อปีของอินเดียลง 0.6 – 0.8 %
นอกจากนี้ เงินรูปียังแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 12.377 รูปีต่อ 1 หยวน ซึ่งเป็นมาตรวัดที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด เนื่องจากจีนเป็นหนึ่งในคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของอินเดีย
เงินรูปีที่อ่อนค่าลง ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะเงินเฟ้อนำเข้า กองทุนทั่วโลกได้ถอนเงินออกจากตลาดหุ้นในอินเดียกว่า 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 4.2 แสนล้านบาท) ในปี 2025 ท่ามกลางผลประกอบการของบริษัทที่อ่อนแอและธนาคารกลางอินเดียซึ่งลดอัตราดอกเบี้ยถึง 3 ครั้ง ส่งผลให้ปัจจัยสนับสนุนสกุลเงินรูปีลดลง ในขณะที่พันธบัตรก็ปรับตัวลดลงด้วยเช่นกัน โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีเพิ่มขึ้นมากถึง 8 จุดพื้นฐาน อยู่ที่ 6.61% ท่ามกลางความกังวลด้านการคลังที่เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ดี นาย Dhiraj Nim นักเศรษฐศาสตร์และนักยุทธศาสตร์ด้านอัตราแลกเปลี่ยนจาก ANZ Banking Group ในมุมไบกล่าวว่า จากมุมมองของธนาคารกลางอินเดีย (RBI) การปล่อยให้เงินอ่อนค่าลงในตอนนี้เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล แทนที่จะใช้เงินสำรองเพื่อป้องกันค่าเงินในภาวะที่ต้องเผชิญกับแรงกดดันจากภายนอก