ตลาดน้ำมันดิบซื้อขายอย่างมีเงื่อนไข นักลงทุนรอดูการตัดสินใจของ OPEC+ เรื่องกำลังการผลิตเดือนตุลาคม และท่าทีสหรัฐฯ ที่จะใช้มาตรการกดดันรัสเซีย โดยอินเดียยังคงไม่เข้าร่วมมาตรการดังกล่าว
สำนักข่าวบูมเบิร์กรายงานว่า การเคลื่อนไหวราคาน้ำมันยัไม่มากนัก หลังจากนักลงทุนรอปัจจัยใหม่ โดยเฉพาะการประชุมของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน OPEC+ ที่จะจัดขึ้นในสุดสัปดาห์นี้ เพื่อพิจารณาการปรับกำลังการผลิตในเดือนตุลาคม ขณะที่ตลาดยังเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ เกี่ยวกับมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย
น้ำมันดิบเบรนต์ซื้อขายเหนือระดับ 68 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากสัญญาส่งมอบเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้น 1% ในการซื้อขายรอบก่อนหน้า ส่วนน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส (WTI) อยู่ใกล้ 65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยนักวิเคราะห์ประเมินว่าผลประชุม OPEC+ อาจออกมาได้ทั้ง “คงกำลังการผลิต” หรือ “ปรับเพิ่มเล็กน้อย”
ด้านอุปทานยังเป็นประเด็นสำคัญ หลังสหรัฐฯ พยายามกดดันรัสเซียให้ยุติสงครามยูเครน ด้วยการเล็งมาตรการต่อประเทศที่ซื้อน้ำมันรัสเซีย โดยเฉพาะอินเดีย แต่ล่าสุด นิวเดลีได้ปฏิเสธข้อเสนอของวอชิงตัน ระหว่างการพบหารืออย่างเป็นมิตรของนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี กับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน นายสก็อต เบสเซนท์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ระบุว่า รัฐบาลจะพิจารณามาตรการคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติมภายในสัปดาห์นี้
ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันเบรนต์เคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 65–70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลงแล้วราว 8% ตั้งแต่ต้นปี นักลงทุนกังวลว่าอาจเกิดภาวะน้ำมันล้นตลาด หลัง OPEC+ เคยผ่อนคลายการลดกำลังการผลิตเพื่อชิงส่วนแบ่งตลาด ประกอบกับความเสี่ยงจากสงครามการค้าของสหรัฐฯ ที่อาจทำให้ความต้องการใช้น้ำมันชะลอลง
วานดานา ฮารี ผู้ก่อตั้งบริษัท Vanda Insights มองว่าราคาน้ำมันยังคงเคลื่อนไหวในกรอบ โดยมีปัจจัยบวกจากการโจมตีของยูเครนต่อโรงกลั่นรัสเซียที่ช่วยพยุงราคาไม่ให้ร่วง ขณะเดียวกัน ความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ จะใช้มาตรการคว่ำบาตรเข้มงวดก็ลดลง แต่ความกังวลเรื่องน้ำมันล้นตลาดยังคงกดดันไม่ให้ราคาปรับขึ้นมากนัก
ในส่วนของความขัดแย้งด้านการค้า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยว่า อินเดียเสนอจะลดภาษีนำเข้าน้ำมันลงเหลือศูนย์ หลังจากสหรัฐฯ เพิ่งขึ้นภาษีนำเข้า 50% เมื่อสัปดาห์ก่อน เพื่อตอบโต้การซื้อน้ำมันจากรัสเซีย อย่างไรก็ตาม ยังไม่แน่ชัดว่าข้อเสนอนี้เกิดขึ้นเมื่อใด และรัฐบาลสหรัฐฯ จะกลับมาเปิดโต๊ะเจรจาหรือไม่