สุดระอาเสียงกรน! หนุ่มญี่ปุ่นวัย 18 ปี ก่อเหตุสยอง วางยาพิษในซุปมิโซะ หมายเอาชีวิตลุงแท้ๆ อ้าง “ทนเสียงกรนของลุงไม่ไหวแล้ว จึงอยากลงมือฆ่า!”
สื่อต่างประเทศระบุว่า วัยรุ่นชายวัย 18 ปี จากเมืองอิชิฮาระ ในจังหวัดชิบะ ประเทศญี่ปุ่น “ถูกจับกุม” และ “ถูกตั้งข้อหาพยายามฆ่า” หลังถูกกล่าวหาว่าแอบสับใบของต้นโอเลียนเดอร์ หรือที่รู้จักกันในชื่อต้นยี่โถ ซึ่งเป็นพืชมีพิษร้ายแรง แล้วนำไปผสมในซุปมิโซะของลุงตนเอง เพราะรู้สึกทนไม่ไหวกับเสียงกรนดังของลุง
ตามรายงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2568 ระหว่างมื้อกลางวัน โดยลุงของวัยรุ่นรายนี้สังเกตได้ว่า “ซุปมิโซะที่เขารับประทานมีรสชาติผิดปกติ” จึงบ้วนออกในทันที แต่ไม่นานหลังจากนั้น เขาก็เริ่มมีอาการชาตามปากและปวดท้องอย่างรุนแรง จนต้องเข้ารับการรักษาพยาบาล
โดยผลตรวจสอบตัวอย่างซุปจากชามของลุง พบว่ามีสาร “โอเลอแอนดริน” (Oleandrin) ซึ่งเป็นสารพิษรุนแรงจากต้นโอเลียนเดอร์ในปริมาณที่อาจถึงแก่ชีวิตได้
ภาพประกอบจาก wikipedia
“ผมทนเสียงกรนของลุงไม่ไหว เลยตัดสินใจจะฆ่าเขา” วัยรุ่นชายอายุ 18 ปี ให้การกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจระหว่างการสอบสวน
สำหรับต้นโอเลียนเดอร์ หรือต้นยี่โถ เป็นไม้พุ่มหรือไม้ยืนต้นขนาดเล็กที่ออกดอกสีแดงหรือขาวตลอดปี มักปลูกริมถนนหรือในสวนสาธารณะ แม้จะมีดอกสวย แต่ทุกส่วนของต้น โดยเฉพาะกิ่งและใบ “ล้วนมีพิษร้ายแรง”
อย่างไรก็ตาม “โชคดี” ที่ลุงของวัยรุ่นรายนี้ ซึ่งเป็นชายอายุ 53 ปี ประกอบอาชีพอิสระ และอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกันกับวัยรุ่นชายและแม่ของเขา ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที และหายดีในเวลาต่อมา
เจ้าหน้าที่ตำรวจยังอยู่ระหว่างสอบสวนรายละเอียดเพิ่มเติม รวมถึงตรวจสอบสภาพจิตใจของผู้ก่อเหตุ และแรงจูงใจเชิงลึกที่อาจเกี่ยวข้องกับปัญหาครอบครัวหรือภาวะความเครียดสะสม ทั้งนี้ คดีดังกล่าวได้สร้างความตกตะลึงในสังคมญี่ปุ่น เนื่องจากพฤติกรรมรุนแรงเกิดขึ้นภายในครอบครัว โดยมีชนวนเหตุเพียงเรื่องเล็กน้อยอย่าง “เสียงกรน”
แม้ผู้เสียหายจะรอดชีวิตมาได้อย่างปลอดภัย แต่เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงปัญหาการจัดการอารมณ์และสุขภาพจิตของเยาวชน ที่สังคมควรให้ความใส่ใจมากยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมลักษณะนี้ซ้ำรอยอีกในอนาคต
คดีดังกล่าวได้สร้างความตกตะลึงในสังคมญี่ปุ่น เนื่องจากพฤติกรรมรุนแรงเกิดขึ้นภายในครอบครัว โดยมีชนวนเหตุเพียงเรื่องเล็กน้อยอย่าง “เสียงกรน”
แม้ผู้เสียหายจะรอดชีวิตมาได้อย่างปลอดภัย แต่เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงปัญหาการจัดการอารมณ์และสุขภาพจิตของเยาวชน ที่สังคมควรให้ความใส่ใจมากยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมลักษณะนี้ซ้ำรอยอีกในอนาคต
ขอบคุณที่มา: newsonjapan