ราชวงศ์อังกฤษ ประกาศข่าวเศร้า สิ้น “ดัชเชสแห่งเคนต์” สมาชิกอาวุโสที่สุด สิริพระชันษา 92 ปี
ลอนดอน, สหราชอาณาจักร – สำนักพระราชวังบักกิงแฮมได้ออกแถลงการณ์ เรื่องการสิ้นพระชนม์ของ แคทเธอรีน ดัชเชสแห่งเคนต์ (Her Royal Highness Katharine, Duchess of Kent) พระชายาในเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด ดยุกแห่งเคนต์
ดัชเชสแห่งเคนต์สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2568 ณ พระตำหนักในพระราชวังเคนซิงตัน กรุงลอนดอน สิริพระชันษา 92 ปี พระองค์ทรงเป็นสมาชิกพระราชวงศ์อังกฤษที่มีพระชนม์ชีพยาวนานที่สุด นับตั้งแต่การสวรรคตของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2
จากสามัญชนผู้รักในเสียงดนตรี สู่สมาชิกราชวงศ์ดัชเชสแห่งเคนต์ มีพระนามเดิมว่า แคทเธอรีน ลูซี แมรี เวิร์สลีย์ (Katharine Lucy Mary Worsley) ประสูติเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2476 ทรงเป็นธิดาเพียงคนเดียวของเซอร์วิลเลียม เวิร์สลีย์ บารอเนตที่ 4 แห่งโฮวิงแฮม
พระองค์ทรงค้นพบความรักในเสียงดนตรีมาตั้งแต่สมัยเรียน ทรงสามารถเล่นเปียโน ออร์แกน และไวโอลินได้ แม้จะเคยสมัครเข้าศึกษาต่อที่ราชบัณฑิตยสถานดนตรี (Royal Academy of Music) แต่ไม่ผ่านการคัดเลือก ก่อนที่จะทรงเข้าศึกษาที่โรงเรียน Miss Hubler’s Finishing School ในออกซฟอร์ด
ก่อนอภิเษกสมรส พระองค์เคยทรงงานที่บ้านเด็กกำพร้าในเมืองยอร์ก และโรงเรียนอนุบาลในลอนดอน ทรงพบกับเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด ดยุกแห่งเคนต์ ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2499 ก่อนจะทรงหมั้นกันในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2504 เข้าพิธีอภิเษกสมรสเมื่อวันที่ 8 มิถุนายนปีเดียวกัน ณ มหาวิหารยอร์ก ซึ่งถือเป็นพิธีเสกสมรสของสมาชิกราชวงศ์ครั้งแรกที่จัดขึ้นที่นั่นนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 1871
เผชิญความสูญเสีย อุทิศตนเพื่อผู้อื่นดัชเชสแห่งเคนต์และพระสวามีมีพระโอรส 2 พระองค์ พระธิดา 1 พระองค์ แต่พระองค์ทรงเคยเผชิญกับความสูญเสียครั้งใหญ่ ในปี พ.ศ. 2520 พระองค์ทรงให้กำเนิดพระโอรสที่สิ้นพระชนม์ตั้งแต่ในครรภ์ นามว่า แพทริก ทำให้พระองค์ตกอยู่ในภาวะซึมเศร้าอย่างรุนแรง
“มันส่งผลกระทบที่เลวร้ายที่สุดต่อฉัน” ดัชเชสเคยประทานสัมภาษณ์แก่ The Daily Telegraph ในปี พ.ศ. 2540 “ฉันไม่เคยรู้เลยว่าเรื่องแบบนี้จะสร้างความเจ็บปวดให้ผู้หญิงคนหนึ่งได้มากขนาดไหน แต่มันก็ทำให้ฉันเข้าใจหัวอกของผู้อื่นที่ต้องเผชิญกับการสูญเสียเช่นเดียวกัน”
ในปี พ.ศ. 2537 ดัชเชสได้ทรงเปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก โดยได้รับพระบรมราชานุญาตจากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ซึ่งการเปลี่ยนศาสนาของพระองค์ไม่ส่งผลกระทบต่อลำดับการสืบราชสันตติวงศ์ของพระสวามี
แม้จะทรงยุติการประกอบพระกรณียกิจในที่สาธารณะตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 และทรงเลือกที่จะไม่ใช้พระอิสริยยศ “Her Royal Highness” แต่พระองค์ยังคงให้การสนับสนุนองค์กรการกุศลต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับดนตรีซึ่งเป็นสิ่งที่พระองค์รักที่สุด ทรงประสงค์ให้ผู้คนเรียกพระนามพระองค์อย่างเรียบง่ายว่า “แคทเธอรีน เคนต์”