หมอเจด เผย 3 สาเหตุตับแข็ง เช็กด่วนก่อนเป็นมะเร็งตับ ไม่ดื่มเหล้าก็เป็นได้
ข่าวสด September 06, 2025 02:20 PM

หมอเจด เผย 3 สาเหตุตับแข็ง เช็กด่วนก่อนเป็นมะเร็งตับ ไม่ดื่มเหล้าก็เป็นได้ โรคนี้ไม่ได้มีแค่เหล้าอย่างเดียวที่เป็นต้นเหตุ ยังมีอีกหลายอย่างที่ทำให้ตับของเราพังได้

นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา โพสต์ภาพข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊กชื่อ “หมอเจด” ระบุว่า 3 สาเหตุตับแข็ง เช็กด่วนก่อนเป็นมะเร็งตับ!

หลายคนชอบคิดว่า “ฉันไม่ดื่มเหล้า ไม่ต้องกลัวโรคตับแข็งหรอก” แต่จริงๆ แล้ว โรคนี้ไม่ได้มีแค่เหล้าอย่างเดียวที่เป็นต้นเหตุ ยังมีอีกหลายอย่างที่ทำให้ตับของเราพังได้ ลองมาดูกันทีละข้อและเช็กกันว่าคุณมีความเสี่ยงข้อไหนบ้างนะ

1.ดื่มเหล้าจัด ดื่มนานๆ เสี่ยงตับแข็งแน่นอน

ข้อนี้หลายๆคนน่าจะรู้ คนที่ดื่มเหล้าบ่อยๆ หรือดื่มแบบจัดหนัก จัดเต็ม ไม่ว่าจะในงานเลี้ยง ปาร์ตี้ หรือแม้แต่ดื่มเล่นๆ ที่บ้านนี่แหละ เป็นสาเหตุหลักๆของตับแข็งเลยนะ เหล้ามีแอลกอฮอล์ที่เข้าไปทำลายเซลล์ตับเรื่อยๆ แบบช้าๆ เหมือนสะสมระเบิดเวลาไว้ในร่างกาย ยิ่งดื่มทุกวัน ตับก็ต้องทำงานหนักจนในที่สุดมันจะเริ่มเสียหาย และพอเสียหายซ้ำๆ เนื้อตับก็จะกลายเป็นพังผืด

บางคนอาจบอกว่า “ดื่มไม่เยอะหรอก ดื่มวันละนิดๆ” แต่ถ้าดื่มบ่อยๆ สะสมไปเรื่อยๆ แบบนี้ก็เสี่ยงเหมือนกันนะ เพราะตับเราต้องทำงานทุกครั้งที่มีเหล้าเข้ามา ยิ่งถ้าดื่มต่อเนื่องเป็นสิบปี โอกาสที่จะเป็นตับแข็งก็ยิ่งสูงขึ้น

2.ไวรัสตับอักเสบ เล่นงานเงียบๆ ไม่ทันรู้ตัว

ไวรัสตับอักเสบบีและซี เป็นอีกสาเหตุที่อันตราย เพราะมันมาอยู่ในร่างกายแบบที่เราอาจไม่รู้ตัวเลย ไวรัสสองตัวนี้ถ้าเข้ามาในตับ จะทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง และถ้าไม่ได้รับการรักษา ตับเราก็จะค่อยๆ เสียหายจนกลายเป็นพังผืด
ไวรัสพวกนี้ติดได้จากหลายทาง เช่น

• มีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน
• ใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน
• รับเลือดที่ไม่ได้ตรวจหาเชื้อ
• หรือถ้าแม่ติดเชื้อแล้วส่งต่อให้ลูกตอนคลอด

แต่ไม่ต้องกังวลเกินไปนะ ไวรัสพวกนี้ไม่ได้ติดง่ายๆ จากการกินข้าวด้วยกัน หรือใช้ช้อนซ้อมร่วมกันแน่นอน สิ่งที่ควรทำคือไปตรวจสุขภาพดูว่าเรามีเชื้อหรือเปล่า ถ้าไม่มีก็ควรฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีไว้ก่อน

3.ไขมันพอกตับ ตัวร้ายของคนชอบกินหวานมัน

ยุคนี้ต้องยกให้สาเหตุนี้เลย “ไขมันพอกตับ” เกิดจากพฤติกรรมที่เรามองข้าม เช่น ชอบกินของหวาน ของมัน น้ำอัดลม หรืออาหารฟาสต์ฟู้ดต่างๆ บวกกับไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย

คิดง่ายๆ นะ ถ้าตับเรามีไขมันสะสมเยอะ มันก็จะอักเสบ และถ้าปล่อยไว้แบบนี้นานๆ ตับก็เสียหายเหมือนกันจนกลายเป็นตับแข็งได้ คนที่น้ำหนักเกินหรืออ้วนมักจะเสี่ยงมากเป็นพิเศษ

ถ้าคุณชอบกินคุกกี้ บิงซู หรือของทอดทั้งหลาย แล้วไม่ค่อยขยับตัว อาจต้องเริ่มปรับพฤติกรรมแล้ว เช่น ลองลดน้ำตาล ลดไขมันในอาหาร ออกกำลังกายบ้าง น้ำหนักลง ตับก็จะสบายขึ้น

4.ตับแข็งเพิ่มโอกาสมะเร็งตับ

หลายคนอาจคิดว่าโรคตับแข็งแค่ทำให้ตับทำงานไม่ดี แต่ความจริงมันน่ากลัวกว่านั้นเยอะ เพราะถ้าปล่อยให้ตับแข็งเรื้อรังไปเรื่อยๆ โอกาสที่มันจะกลายเป็นมะเร็งตับก็มากขึ้น

แล้วมันเกิดขึ้นได้ยังไง เวลาตับของเรามีปัญหา เซลล์ตับจะเริ่มถูกทำลายซ้ำๆ จนร่างกายต้องสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาทดแทน แต่ปัญหาคือ พอสร้างใหม่บ่อยเกินไป โอกาสที่เซลล์จะกลายพันธุ์ผิดปกติก็มากขึ้น นี่แหละที่เป็นจุดเริ่มต้นของมะเร็งตับ

อีกอย่างคือ ในตับที่มีพังผืดเยอะๆ (จากโรคตับแข็ง) เลือดจะไหลเวียนไม่ดี ทำให้เซลล์ตับขาดออกซิเจนและสารอาหาร สิ่งนี้ก็เป็นตัวกระตุ้นให้เซลล์ตับพัฒนาเป็นมะเร็งได้ง่ายขึ้น

5.วิธีป้องกันโรคตับแข็ง

โรคตับแข็งเป็นโรคที่น่ากลัว แต่ข่าวดีก็คือมันป้องกันได้! การดูแลสุขภาพตับไม่ใช่เรื่องยากเลย แค่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างในชีวิตประจำวัน คุณก็สามารถลดความเสี่ยงและป้องกันโรคนี้ได้ ลองมาดูกันว่าคุณทำอะไรได้บ้าง

1.เลิกหรือลดการดื่มแอลกอฮอล์
แอลกอฮอล์ทำให้เซลล์ตับเสียหาย ถ้าคุณดื่มหนักหรือต่อเนื่องมานาน ตับอาจฟื้นตัวไม่ไหว วิธีที่ดีที่สุดคือเลิกดื่ม หรือถ้าทำไม่ได้ทันที ก็ลดปริมาณลงและเว้นช่วงการดื่มให้มากขึ้น

2.ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับ
ไวรัสตับอักเสบบีสามารถทำให้ตับอักเสบเรื้อรังและนำไปสู่โรคตับแข็ง การฉีดวัคซีนเป็นวิธีป้องกันที่ง่ายและได้ผล หากคุณยังไม่เคยฉีด ควรไปปรึกษาแพทย์และรับวัคซีนให้ครบ
แต่ถ้าไวรัสตับอักเสบซีแม้ไม่มีวัคซีนป้องกัน แต่คุณสามารถลดความเสี่ยงได้ด้วยการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง เช่น ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ ไม่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน และตรวจสอบความสะอาดของเครื่องมือ เช่น การสักหรือเจาะร่างกาย

3.รักษาน้ำหนักและออกกำลังกาย
ไขมันพอกตับเป็นปัญหาที่พบบ่อยในยุคนี้ โดยเฉพาะในคนที่น้ำหนักเกินหรือชอบกินของหวาน ของมัน และอาหารฟาสต์ฟู้ด วิธีป้องกันคือควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ลดอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูง และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

4.ระวังการใช้ยาที่อาจทำร้ายตับ
ยาบางชนิด เช่น ยาพาราเซตามอล หากกินเกินขนาด หรือยาสมุนไพรที่ไม่มีการรับรอง อาจทำให้ตับเสียหายได้ ก่อนใช้ยาใดๆ โดยเฉพาะถ้าต้องใช้ต่อเนื่อง ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเสมอ

5.อาหารเสริม ปัจจุบันยังไม่มียารักษาไขมันพอกตับโดยตรง แต่มีอาหารเสริมที่ช่วยได้นะ เช่น

• วิตามินอี (Vitamin E):
งานวิจัยหลายชิ้นพบว่าวิตามินอีในปริมาณ 800 IU ต่อวันสามารถลดการอักเสบของเซลล์ตับในผู้ป่วย NAFLD ได้ โดยเฉพาะในผู้ที่ไม่มีภาวะเบาหวาน แต่ไม่ควรใช้ในระยะยาว และควรใช้ในคำแนะนำของหมอนะ

• โอเมก้า-3 (Omega-3 Fatty Acids):
โอเมก้า-3 ช่วยลดระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือด ซึ่งสัมพันธ์กับการสะสมของไขมันในตับ นอกจากนี้ยังช่วยปรับสมดุลของไขมันในร่างกาย งานวิจัยแนะนำปริมาณ 2-4 กรัมต่อวัน ในคนที่มีไขมันพอกตับ

• โคลีน (Choline): โคลีน เป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการทำงานของตับและช่วยขจัดไขมันสะสมในตับผ่านกระบวนการที่เรียกว่า lipoprotein export มีงานวิจัยชี้ว่าการขาดโคลีนอาจเพิ่มความเสี่ยงของ NAFLD โดยเฉพาะในผู้ที่รับประทานอาหารแบบคาร์โบไฮเดรตสูงหรือไขมันสูง

• อาหารทึ่เป็นแหล่งโคลีน คือ ไข่แดง เนื้อสัตว์ ตับ และถั่วเหลือง

• ปริมาณที่แนะนำสำหรับผู้ใหญ่คือ 425-550 มก. ต่อวัน

• Silymarin (จาก Milk Thistle):

จะช่วยต้านการอักเสบและช่วยปกป้องเซลล์ตับจากความเสียหาย นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นการฟื้นฟูเซลล์ตับที่ได้รับผลกระทบ แม้จะไม่มีฝากนิดนึงนะครับถึงจะไม่มีอาการผิดปกติ แต่การตรวจสุขภาพตับอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณรู้ทันปัญหาก่อนที่โรคจะลุกลาม เช่น การเจาะเลือดตรวจเอนไซม์ตับ อัลตราซาวด์ หรือการตรวจ FibroScan

การป้องกันโรคตับแข็งเริ่มต้นได้ด้วยตัวเรานะ ด้วยการเลิกเหล้า ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัส ดูแลน้ำหนัก และระมัดระวังการใช้ยา ตับของเราอาจทำงานเงียบๆ แต่ถ้ามันพังแล้ว ความเสียหายอาจย้อนกลับไม่ได้ ใครมีคำถามคอมเมนต์ได้เลย

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.