วันที่ 9 ก.ย.2568 รศ.ดร.มุนินทร์ พงศาปาน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุก แสดงความคิดเห็น กรณีศาลฎีกา สั่งบังคับโทษจำคุก 1 ปี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คดีชั้น 14 รพ.ตำรวจ ระบุว่า
" ข้อสังเกตทางนิติศาสตร์ที่มีต่อคำสั่งศาลฎีกากรณีการบังคับโทษจำคุกทักษิณ
1. คำสั่งที่วินิจฉัยว่าการบังคับโทษจำคุกคุณทักษิณไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้ต้องกลับไปรับโทษจำคุกอีก เป็นการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในทางนิติศาสตร์ ไม่ใช่เพราะเป็นการส่งอดีตนายกรัฐมนตรีเข้าคุกจริงๆ เป็นครั้งแรกของไทย แต่เพราะเป็นครั้งแรกที่ศาลฎีกาเข้ามาตรวจสอบการบังคับตามคำพิพากษาซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของฝ่ายบริหาร (โดยเฉพาะกรมราชทัณฑ์) ทั้งๆ ที่มีผู้คัดค้านว่าศาลไม่ควรมีอำนาจไต่สวนโดยที่ไม่มีกฎหมายบัญญัติให้อำนาจไว้อย่างชัดแจ้ง การที่ศาลฎีกาตีความกฎหมายว่าตนมีอำนาจสะท้อนให้เห็นถึงความไม่เชื่อมั่นต่อการทำหน้าที่ของฝ่ายบริหารในการบังคับตามคำพิพากษาและศาลคงมองไม่มีหนทางอื่นที่แก้ปัญหาร้ายแรงของกระบวนการยุติธรรม ในส่วนนี้ได้อย่างทันท่วงที
คำสั่งของศาลฎีกาในคดีนี้จึงเป็นทั้งพยานหลักฐานของความล้มเหลวในกระบวนการบังคับโทษและยังเป็นสัญญาณที่ส่งถึงฝ่ายบริหารให้ต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดและต้องคิดหาวิธีการปฏิรูปหรืออุดช่องโหว่ของกระบวนการบังคับโทษโดยเร็ว โดยไม่ควรปล่อยให้เป็นภาระของศาลยุติธรรมในการตีความกฎหมายเพื่อเข้ามามีอำนาจตรวจสอบ
2. คำสั่งครั้งประวัติศาสตร์ของศาลฎีกาในครั้งนี้ แม้ว่าจะมีผลเฉพาะคดีคุณทักษิณ แต่ก็จะกลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ ที่อาจจะทำให้เกิดการร้องขอตรวจสอบการบังคับโทษในคดีอื่นๆ ด้วย หากศาลยุติธรรมปฏิเสธไม่รับไต่สวนให้โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ก็อาจจะถูกกล่าวหาว่าบังคับใช้กฎหมายไม่เป็นธรรมเสียเอง อย่างไรก็ตามศาลคงไม่มีเวลาและบุคลากรมากพอที่จะเข้าไปตรวจสอบการบังคับตามคำพิพากษาในทุกคดี จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ศาลยุติธรรมต้องปรึกษาหารือกันภายในเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ให้ชัดเจนว่ามีกรณีแบบใดบ้างที่ศาลควรเข้าไปตรวจสอบการบังคับตามคำพิพากษา"
.