เอกชนชี้ 'คนละครึ่ง' ช่วยเพิ่มกำลังซื้อ เห็นด้วยหากเพิ่มวงเงิน 200 บาท/วัน
GH News September 10, 2025 05:14 PM

เอกชนย้ำ ‘คนละครึ่ง’ เป็นโครงการที่ดี เพิ่มกำลังซื้อ ลดค่าใช้จ่าย เห็นด้วยหากเพิ่มวงเงิน 200 บาท/วัน แนะรัฐใช้ช่วงไฮซีซั่นกระตุ้นเม็ดเงิน หวังลงลึกถึงเมืองรอง

10 ก.ย. 2568 – นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจภายใต้รัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ว่า มาตรการ “คนละครึ่ง” ถือเป็นโครงการที่ดีในช่วงระยะสั้น โดยเป็นมาตรการหนึ่งในการเพิ่มกำลังซื้อด้วยการลดค่าใช้จ่ายเพื่อให้ประชาชนออกมาจับจ่ายใช้สอย ซึ่งไทยเองก็มีแพตฟอร์มที่มีความพร้อม เพียงแต่อาจจะต้องมีการปรับเงื่อนไขเล็กน้อยเพื่อให้เหมาะกับการใช้ โดยข้อดีของมาตรการดังกล่าวคือการกระจายไปได้เร็ว กว้าง และลึก ซึ่งถือว่าเปนหัวใจสำคัญ เนื่องจากหลายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมา แม้ว่าจะมีเม็ดเงินจริงแต่เป็นการกรจุกตัว ไม่กระจายตัว

สำหรับปัญหาของไทยวันนี้ก็คือ รากหญ้า รวมถึงประชาชนทั้งประเทศส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้รับอนิสงส์จากมาตกรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมา ดังนั้น จึงต้องสร้างให้เกิดกำลังซื้อ และทำให้เม็ดเงินลงไปให้ลึกและกว้างที่สุด โดยเฉพาะในต่างจังหวัด แม้กระทั้งเรื่องการท่องเที่ยวที่จะเป็นอีกหนึ่งเครื่องยนต์สำคัญในครึ่งปีหลัง หรือช่วง 4 เดือนของรัฐบาล เพราะว่าเป็นช่วงไฮซีซั่น แม้ 6 เดือนแรกที่ผ่านมาจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามา แต่ต้องเทียบกับช่วง 6 เดือนของปีก่อนหน้า ซึ่งพบว่านักท่องเที่ยวหายไปเป็นจำนวนมาก และนักท่องเที่ยวจากตัวเลขเดิมที่เข้ามา การใช้จ่ายกระจุกตัวแค่ 5 จังหวัด และเป็นโรงแรม 4-5 ดาวของต่างประเทศ เม็ดเงินไม่ได้เป็นรายได้ของคนไทยเท่าใดนัก ดังนั้นช่วง 6 เดือนหลังที่เป็นช่วงไฮซีซั่นรัฐบาลจะต้องรีบเร่งนำเม็ดเงินลงไป

“สิ่งที่พูดมาตลอดก็คือจะทำให้อย่างไรให้ท่องเที่ยวเมืองรองเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง เช่นเดียวกับประเทศญี่ปุ่น จีน ซึ่งประสบความสำเร็จ โดยที่เม็ดเงินเหล่านั้นไปเร็ว และลึกที่สุด โดยจะทำให้โรงแรมในต่างจังหวัด ประชาชนจะได้ขายของได้จากการเดินทาง และจับจ่ายใช้สอย ซึ่งมองว่านี่คือโรงแรม และธุรกิจของคนไทย 100%”นายเกรียงไกร กล่าว

ส่วนการเพิ่มวงเงินเป็น 200 บาทต่อวัน ตามข้อเสนอของภาคธุรกิจนั้น มองว่าเป็นการเพิ่มให้เหมาะสมตามสถานการณ์ ซึ่งในความคิดเห็นส่วนตัวนั้นเห็นด้วย หรือแม้กระทั่งมีการออกสูตรที่เรียกว่า 60 : 40 และ 50 : 50 ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะจากประสบการณ์ที่เคยมีโครงการดังกล่าวนี้มาก่อนหน้านั้น จึงมองว่าอะไรที่เป็นโครงการที่ดีสามารถนำกลับมาใช้ได้ทันที ไม่ต้องคิดใหม่ และมีข้อพิสูจน์แล้วว่าได้ผล เป็นที่นิยม เพราะฉะนั้นก็แค่นำมาปรับเงื่อนไขเล็กน้อยให้มีความเหมาะสม

“สิ่งที่สำคัญก็คือจะต้องแม่นยำ กระจายให้ทั่วถึง ให้ลึกที่สุด และถึงมือผู้บริโภค รวมถึงพ่อค้า แม่ค้ารายย่อย เพราะวันนี้ปัญหาทางด้านเศรษฐกิจถือเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ แต่คนที่ได้รับผลกะทบหนักที่สุดคือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ซึ่งเปราะบางที่สุด เพราะหากปล่อยระยะเวลาให้เนิ่นนานออกไป เอสเอ็มอีจะอยู่ไม่ได้ และจะล้มหายตายจากไป เพราะฉะนั้นวันนี้จึงต้องรีบเร่งให้เร็วที่สุด“นายเกรียงไกร กล่าว

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.