ภาวะโลกเดือดส่งผลให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นตามอุณหภูมิโลก เมืองปากแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างจังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดในเขตปริมณฑลของกรุงเทพมหานคร กลายเป็นพื้นที่เปราะบางที่เผชิญความเสี่ยงมากที่สุดอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทยในอนาคตอันใกล้ พายุที่ทวีความรุนแรง ฝนตกหนักถึงหนักมากเฉพาะจุด มวลน้ำเหนือปริมาณมากขึ้นที่หลากสู่ลุ่มน้ำภาคกลาง น้ำทะเลหนุน และการกัดเซาะชายฝั่งที่มากขึ้น หากไม่มีการเตรียมความพร้อมรับมือและแผนจัดการภัยพิบัติที่เหมาะสม จะส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนและความยั่งยืนของเมืองชายฝั่งแห่งนี้
รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต และผู้เชี่ยวชาญคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Intergovernmental Panel on Climate Change : IPCC) กล่าวว่า ปัญหาน้ำเหนือหลาก น้ำท่วมขังรอการระบาย และน้ำท่วมชายฝั่ง จะเป็นปัญหาที่ชาวสมุทรปราการต้องเผชิญตลอดไป หากไม่มีการวางแผนรับมือ ป้องกัน และลดผลกระทบในระยะยาวจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก ซึ่งจังหวัดสมุทรปราการมีความเสี่ยงสูงเรื่องน้ำท่วม เกิดน้ำท่วมบ่อยครั้งขึ้น อย่างปีนี้ เมื่อวันที่ 7 -8 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา ปริมาณฝนสะสมยังไม่ถึง 100 มิลลิเมตรต่อวัน มีฝนไม่ถึง 70 มิลลิเมตร ก็เกิดปัญหาน้ำท่วมแล้ว พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ เช่น ชุมชนริมถนนศรีนครินทร์ ถนนแพรกษา และถนนสุขุมวิท การจราจรติดขัดรุนแรง ถนนบางเส้นรถเล็กใช้งานไม่ได้ บางจุดท่วมเกือบถึงเอว ขณะที่โรงเรียนในพื้นที่ 25 แห่งต้องสั่งหยุดเรียนออฟไลน์และปรับการสอนออนไลน์เพื่อความปลอดภัย ประชาชนได้รับความเดือดร้อนอย่างกว้างขวาง
“ สาเหตุมาจากผังเมืองสมุทรปราการแย่งที่น้ำมากขึ้น น้ำก็ต้องมาลงถนน เพราะไหลลงดิน ไหลลงคลองไม่ได้ ทั้งที่มีคลองธรรมชาติกว่า 500 คลอง ความยาวคลองรวมเป็น 1,000 กิโลเมตร ขณะที่ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทำให้ฤดูฝน มีฝนตกหนักมากขึ้น ทั้งธรรมชาติและจัดการจัดโดยมนุษย์ มีส่วนสำคัญทำให้ปัญหาน้ำท่วมหนักขึ้นๆ และในอนาคตแน่นอนว่า เหตุการณ์ลักษณะนี้มีแนวโน้มเกิดถี่และรุนแรงขึ้น ไม่เฉพาะเรื่องฝนอย่างเดียว รุนแรงที่สุดรื่องระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น เพราะบางพื้นที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล บางพื้นที่อยู่เหนือกว่าระดับน้ำทะเลแค่หนึ่งเมตรเท่านั้น ” รศ.ดร.เสรี กล่าว
ทีมงานของ รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ร่วมกับ ESRI ได้ประเมินผลกระทบของน้ำท่วมชุมชนในอนาคต หลังภาคประชาคมร้องขอให้ช่วยเหลือ พบว่า ปริมาณฝนสูงสุดมักเกิดในเดือนตุลาคม และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นประมาณ 20–30% ทีมวิจัยใช้แบบจำลองน้ำท่วมความละเอียดสูงครอบคลุมพื้นที่ อ.บางพลี อ.บางเสาธง และ อ.บางบ่อ ซึ่งประกอบด้วยชุมชนบ้านจัดสรร โรงงาน และพื้นที่ชุ่มน้ำ เมื่อจำลองกรณีฝนตกหนัก 150 มม. ภายใน 6 ชั่วโมงตามการคาดการณ์ พบว่า หลายพื้นที่ ถนนหลายสาย มีความเสี่ยงจะจมน้ำ สะท้อนให้เห็นว่า น้ำที่กองอยู่ตามแบบจำลอง ไม่มีการระบาย จำเป็นต้องลดหรือพร่องน้ำในคลอง ซึ่งเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน คลองเล็กๆ ขึ้นกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คลองขนาดใหญ่ขึ้นกับกรมชลประทาน บางคลองเชื่อมโยงกับกรุงเทพมหานคร หากทุกองคาพยพไม่ได้พูดคุยหาแนวทางจัดการน้ำร่วมกัน ต้องลงรายละเอียดโดยเฉพาะระบบระบายน้ำในพื้นที่ รวมถึงเครื่องสูบน้ำจุดต่างๆ
ผู้เชี่ยวชาญด้านภัยพิบัติกล่าวต่อว่า ตามการคาดการณ์ของ IPCC ระหว่างปี 2573–2593 ระดับน้ำทะเลสุทธิจะเพิ่มขึ้น 0.30–0.70 เมตร จะทำให้พื้นที่สมุทรปราการกว่า 30% จมน้ำถาวร หากไม่มีมาตรการใดๆ มารองรับ ชาวสมุทรปราการ และลูกหลานจะอยู่กันอย่างไร อย่าลืมว่าสมุทรปราการเป็นเมืองหน้าด่านน้ำทะเลหนุนของกรุงเทพฯ เมื่อสมุทรปราการมีปัญหาย่อมส่งผลกระทบต่อกรุงเทพฯ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อถึงเวลานั้นมันก็สายเกินไปที่จะแก้ไข
สำหรับแนวทางการป้องกัน และลดผลกระทบ รศ.ดร.เสรี กล่าวว่า การแก้ปัญหาระยะสั้น ทำได้ทางเดียวเท่านั้น คือ ยกระดับถนนให้สูงขึ้นหนีน้ำท่วม แต่จะเกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนนอกและคนใน ซึ่งรัฐบาลต้องดำเนินการ โดยมีมาตรการยกถนนแค่ไหนถึงเหมาะสมและมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ อย่างประชาชนที่มีบ้านติดถนน เยียวยาแค่ไหน ระยะยาวหนีไม่พ้นต้องสร้างแนวป้องกันน้ำถาวร หรือคันกั้นน้ำ ปิดปากอ่าว ป้องกันถูกน้ำท่วมจากระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น ในจ.สมุทรปราการมีชุมชนที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาหลายแห่ง รวมถึงนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งต้องลดความเสี่ยงเสียหายจากน้ำท่วม
“ แนวทางป้องกันเพื่อลดผลกระทบต้องเริ่มดำเนินการทันที หากไม่เริ่ม รอเวลา รอรัฐบาลใหม่ ปัญหายิ่งรุนแรง ความขัดแย้งจะยิ่งเพิ่มสูงขึ้น ฉะนั้น รัฐบาลต้องรีบตัดสินใจ บางพื้นที่เป็นพื้นที่สำคัญ เป็นหัวใจของเมืองปล่อยให้สถานการณ์เป็นแบบนี้ไม่ได้ “
สำหรับทางออกที่ยั่งยืนสำหรับสมุทรปราการเมืองชายฝั่งทะเล รศ.ดร.เสรี กล่าวว่า น้ำท่วมขังสมุทรปราการ มาจากฝนตกในพื้นที่และน้ำทะเลหนุน ต้องวิเคราะห์ ทบทวน ระบบระบายน้ำ โทษฝนตกหนักอย่างเดียว ปัญหามาจากไม่สามารถสูบน้ำได้ หรือผังเมืองแย่แล้ว จังหวัดสมุทรปราการจะต้องเตรียมพร้อมรับมือผ่านการทำประชาคมระดับจังหวัด มีการวิเคราะห์และประเมินความเสี่ยงในพื้นที่ รวมถึงการสื่อสารและรับมือของท้องถิ่นต้องเข้มแข็งและพร้อมใช้งาน ป้องกันความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน ไม่หวังพึ่งเพียงระบบเตือนภัยพิบัติ หรือ Cell Broadcast ของรัฐบาล
“ ยกตัวอย่างสิงค์โปร์ พื้นที่มีจำกัด แต่ไปเพิ่มพื้นที่ในทะเลโดยทำแนวป้องกันน้ำถาวรรอบเกาะ ควบคู่กับการขับเคลื่อนเมืองสีเขียว ลดความร้อนในเมือง ลดการใช้ยานพาหนะที่ปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพิ่มพื้นที่สีเขียวรับน้ำ ญี่ปุ่นก็มีเมืองชายฝั่งทะเลหลายพื้นที่ จังหวัดใช้ระบบเตือนภัยรับมือได้เท่าทันสถานการณ์ ความสูญเสียน้อยมาก ส่วนยุโรปก็พัฒนาเมืองชายฝั่งเกิดต้นแบบมากมาย จังหวัดสมุทรปราการเมืองชายฝั่งต้องเตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ “ รศ.ดร.เสรี กล่าว
ในท้ายผู้เชี่ยวชาญด้านภัยพิบัติฝากถึงการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยในบริเวณเสี่ยงจมน้ำของสมุทรปราการ จำเป็นต้องคำนึงถึงความเสี่ยงน้ำท่วมอย่างรอบคอบ ปัจจุบันสมุทรปราการมีโครงการบ้านจัดสรร ทาวน์โฮม บ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียม น่าอยู่เกิดขึ้นจำนวนมาก ด้วยทำเลใกล้กรุงเทพฯ เดินทางสะดวก แต่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์จะคิดเฉพาะลดความเสี่ยงในตัวโครงการ ยกระดับพื้นที่โครงการให้สูงขึ้น แต่ถนนหลวงนอกโครงการ หากเจอน้ำท่วม ประชาชนก็ไม่สามารถเดินทางสัญจรไปมาได้ การสร้างบ้านจัดสรรต้องแชร์เรื่องระบบสาธารณูปโภค ถนนหนทาง ระบบระบายน้ำ ซึ่งการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม หรือ อีไอเอ เป็นเรื่องสำคัญของผู้ประกอบการ เพื่อลดความขัดแย้งกับชุมชนหรือคนที่อยู่อาศัยโดยรอบโครงการ เป็นหัวใจสำคัญลดขัดแย้ง