สื่อนอก รายงานข่าว ข้อมูล 7 เดือนแรกปี 68 พบไทยส่งออกทองไปกัมพูชามูลค่ากว่า 7.1 หมื่นล้านบาท โต 19% ชี้ปริมาณไม่สอดคล้องกับขนาดเศรษฐกิจ กกร. เตรียมเข้าพบผู้ว่าฯ แบงก์ชาติสัปดาห์หน้า

businesstimes รายงาน ภาคเอกชนไทยเรียกร้องให้มีการตรวจสอบอย่างเร่งด่วน หลังพบว่าการส่งออกทองคำของไทยไปยังประเทศกัมพูชามีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติ ซึ่งถูกมองว่าเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว และอาจส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวของประเทศ

ข้อมูลจากกรมศุลกากรระบุว่า ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม-กรกฎาคม) ไทยส่งออกทองคำไปยังกัมพูชาเป็นมูลค่าสูงถึง 71,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า มีแนวโน้มทำลายสถิติสูงสุดของปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 106,000 ล้านบาท ทำให้กัมพูชากลายเป็นจุดหมายปลายทางการส่งออกทองคำที่สำคัญของไทย เทียบเท่ากับสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการหลอมทองของโลก และสิงคโปร์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าในภูมิภาค

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยในการให้สัมภาษณ์เมื่อวันศุกร์ (12 ก.ย.) ว่า ส.อ.ท. พบว่ามูลค่าการส่งออกทองคำและอัญมณีไปยังกัมพูชาพุ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นปริมาณที่ไม่สอดคล้องกับขนาดเศรษฐกิจและความต้องการภายในประเทศกัมพูชา

“มันดูน่าสงสัย” นายเกรียงไกรกล่าว พร้อมเรียกร้องให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กรมศุลกากร และกระทรวงพาณิชย์ ร่วมกันตรวจสอบธุรกรรมดังกล่าว “อาจมีที่มาจากธุรกิจสีเทา เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์และกาสิโน เป็นไปได้ว่าพวกเขาใช้ทองคำเป็นเครื่องมือในการฟอกเงิน”

นายเกรียงไกรชี้ให้เห็นถึงอีกปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อค่าเงินบาท คือการส่งเงินกลับประเทศของแรงงานข้ามชาติที่ลงทะเบียนในไทยกว่า 4 ล้านคน ซึ่งตัวเลขจริงอาจสูงกว่านี้มากหากนับรวมแรงงานที่ไม่ได้ลงทะเบียน การโอนเงินทั้งในระบบและนอกระบบไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เมียนมาและกัมพูชา อาจทำให้สภาพคล่องของเงินบาทในประเทศลดลงและสร้างแรงกดดันต่อค่าเงิน

คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ซึ่งประกอบด้วย ส.อ.ท. สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย มีกำหนดจะเข้าพบนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยในสัปดาห์หน้า เพื่อหยิบยกข้อกังวลดังกล่าว รวมถึงผลกระทบจากเงินบาทที่แข็งค่าต่อการส่งออกและการท่องเที่ยว และมาตรการสนับสนุนผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) โดยจะหยิบยกข้อสงสัยเรื่องการส่งออกทองคำไปกัมพูชาและผลกระทบจากการส่งเงินกลับของแรงงานข้ามชาติขึ้นหารือด้วย