จัดงาน A Taste of Provenance ยกระดับวัตถุดิบท้องถิ่นไทยก้าวสู่เวที Fine Dining ระดับโลก
สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) หรือ BEDO ร่วมกับ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) จัดงาน “A Taste of Provenance: รสสัมผัสจากแหล่งกำเนิด” เพื่อยกระดับวัตถุดิบท้องถิ่นไทยผ่านประสบการณ์ Fine Dining ถ่ายทอดรสชาติพร้อมเรื่องราวจากแหล่งผลิต สู่การสร้าง Soft Power ไทยบนเวทีโลก เมื่อวันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมา
งานนี้ได้รับเกียรติจากบุคคลสำคัญในหลายแวดวงเข้าร่วม โดยเฉพาะ ดร.ธนิต ชังถาวร ที่ปรึกษา BEDO (อดีตรองผู้อำนวยการ) ผู้มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนกิจกรรมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจชีวภาพระดับประเทศ, กชพร เวโรจน์ (มาดามหยก) ที่ปรึกษาประธาน กมธ.การศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรมฯ, ประธานชมรม Change Together & Indy Team และผู้นำพรรคก้าวอิสระ (INDY) ผู้ผลักดันการใช้พลังงานทางวัฒนธรรมเพื่อสังคม และ ดร.ปณิธิพัทธ์ สุขสมบูรณ์ ซีอีโอบริษัท อัลฟีม จำกัด แฟชั่นไอคอนรุ่นใหม่ที่ผสานความรู้ด้านยุโรปศึกษากับการประกอบการสร้างสรรค์
กชพร เวโรจน์ กล่าวว่า สำหรับมุมมองต่อการจัดงานครั้งนี้ วัตถุดิบท้องถิ่นไม่ใช่เพียงเรื่องของอาหาร แต่คือเรื่องราวของผู้คน ชุมชน และวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมา การยกระดับผ่านงาน Fine Dining ไม่ได้เป็นแค่การสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ แต่ยังเป็นการเล่าเรื่อง Soft Power ของไทยให้โลกได้เห็นว่า เรามีเอกลักษณ์และคุณค่าในแบบของเราเอง
นอกจากนี้ ยังมีผู้ทรงคุณวุฒิร่วมงานอย่างคับคั่ง ได้แก่ พักตร์พิมล โชคดีปรีชากุล ผู้อำนวยการ สำนักเผยแพร่และส่งเสริมการมีส่วนร่วม BEDO, ดรุณี เอ็ดเวิร์ดส เลขาธิการมูลนิธิข้าวไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และประธานกรรมการอิสระ บริษัท นิวทรีชั่น เอสซี (มหาชน), สุวีร์ งานดี รองผู้อำนวยการ และรักษาการแทนผู้อำนวยการ BEDO, อมรสิริ บุญญสิทธิ์ ผู้บริหารสื่อไลฟ์สไตล์และแฟชั่น Director นิตยสาร The Thailanders และกรรมการผู้จัดการ/บรรณาธิการบริหาร Numéro Thailand, ศ.ดร.ณัฐดนัย หาญการสุจริต ศาสตราจารย์ด้านเทคโนโลยีการบรรจุและวัสดุ คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญบรรจุภัณฑ์อาหารและนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ยั่งยืน
ภายในงาน เชฟศุภสิทธิ์ ก๊กผล หรือ “เชฟแท็ป” เจ้าของรางวัล 1 Michelin Star 2025 จากร้าน CODA ได้สร้างสรรค์เมนูแห่งแรงบันดาลใจ 8 จาน 8 เรื่องราว วัตถุดิบ GI ไทย 5 รายการ ได้แก่ มังคุดลุ่มน้ำหลังสงสวน, ไผ่ตงหวานปราจีน, กะปิเกาะช้าง, ส้มมะปิดจันทบุรี และน้ำผึ้งตอกลำไรลำพูน ได้ถูกตีความใหม่เป็น 8 เมนู Fine Fing Ding สุดประณีต เป็นอาหารร่วมสมัยที่ผสมผสานภูมิปัญญาท้องถิ่นกับเทคนิคสากลอย่างประณีต ได้แก่
1. ยำมังคุด – ความสดชื่นจากราชินีผลไม้แหล่งลุ่มน้ำหลังสวนชุมพร 2. หมกหน่อไม้สมุนไพร – รสชาติพื้นถิ่นปราจีนในรูปแบบสร้างสร้างสรรค์ 3. ข้าวคลุกกะปิ – ฟิวชันกลมกล่อม รสชาติเค็ม-เปรี้ยว-หวาน จากกะปิเกาะช้าง และส้มมะปี๊ด 4. ต้มแซบหมูกับหน่อไม้ – ผสานหมูดำ Iberico จากสเปนกับหน่อไม้ไผ่ตงหวานปราจีน
5. ส้มตำมะปี๊ดและข้าวเหนียวไก่ย่าง – การตีความส้มตำไทยให้ร่วมสมัย ผสานความหอมของส้มมะปี๊ด 6. แกงสายบัว – กลิ่นหอมลุ่มลึกจากกะปิเกาะช้าง ผสานวัตถุดิบจากจังหวัดตรัง และประเทศญี่ปุ่น 7. ข้าวต้มหน่อไม้ – ความเรียบง่ายที่ลึกซึ้ง เนื้อเป็ดที่ผ่านการดรายเอจ และความหลานกรอบของหน่อไม้ และ 8. สายรังผึ้ง – ของหวานละเมียดจากน้ำผึ้งดอกลำไยลำพูน
งาน “A Taste of Provenance” ครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่การลิ้มรส Fine Dining หากแต่เป็นการสะท้อนพลัง Soft Power ไทย ที่นำวัตถุดิบท้องถิ่นและมรดกทางวัฒนธรรมมาสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ กระจายรายได้สู่ชุมชน และขับเคลื่อนประเทศสู่การยอมรับบนเวทีโลก