แท็งก์ความคิด : เล่าเรื่องพุทธ
นฤตย์​ เสกธีระ September 16, 2025 04:42 PM

แท็งก์ความคิด : เล่าเรื่องพุทธ

หนังสือชื่อ “ลอกคราบพุทธแท้ ประวัติศาสตร์ชนชั้นกลางไทยร่วมสมัย” โดย อาสา คำภา อ่านแล้วได้ความรู้

ได้รู้ถึงประวัติศาสตร์ รู้ถึงชนชั้นกลางของไทย และความรู้สึกเกี่ยวกับพุทธศาสนา

ได้รู้ถึงความสำคัญของศาสนาที่มีผลต่อการเมือง และเห็นความสัมพันธ์ระหว่างการเมืองกับศาสนา

โดยเฉพาะศาสนาพุทธ

หนังสือเล่มนี้ถือเป็นผลงานวิจัยที่เล่าเรื่องพุทธศาสนาในไทยได้อย่างน่าติดตาม

ทำให้รู้ว่าแต่ละยุคสมัยนั้นมีการเล่าเรื่องพุทธศาสนาที่เน้นเนื้อหาแตกต่างกัน

บางยุคเน้นหนักตรงนั้น ผ่อนตรงนี้ แต่บางยุคกลับมาเน้นหนักตรงนี้ ผ่อนเบาตรงนั้น

ทุกอย่างขึ้นอยู่กับห้วงเวลา

จากสมัยก่อน ศาสนาพุทธ ณ ดินแดนนี้ผูกโยงกับคติไตรภูมิ ที่อธิบายถึง กามภูมิ รูปภูมิ และอรูปภูมิ

มีความผูกพันกับความเชื่อเรื่องกรรม อดีตชาติ ปัจจุบัน และโลกหน้า

แต่เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนแปลง สยามประเทศมีสัมพันธ์กับต่างชาติ ทำให้พุทธศาสนาต้องแสวงหาจุดแข็งไปสู้กับลัทธิอื่น

การเล่าเรื่องพุทธอย่างมีเหตุมีผลได้กลายเป็นความจำเป็น และการสร้างความน่าเชื่อถือให้ศาสนาพุทธกลายเป็นเรื่องเร่งด่วน

พุทธศาสนานิกายเถรวาทอุบัติขึ้นในช่วงนี้ และทำให้ศาสนาพุทธได้รับความเชื่อถือ

เป็นพุทธที่นิยมวิทยาศาสตร์สามารถอธิบายเหตุและผล และยืนหยัดสู้กับลัทธิความเชื่ออื่นๆ ได้

พุทธศาสนาช่วงนั้นให้ความสำคัญต่อพระไตรปิฎก มากกว่าคติไตรภูมิ

ลดความสำคัญด้าน “จิตนิยม” เพิ่มความสำคัญให้กับเหตุและผล

เมื่อเวลาหมุนต่อไป สยามเกิดเหตุเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี 2475 ชนชั้นกลางเริ่มเข้ามามีบทบาทกับพุทธศาสนา

ในหนังสือระบุว่า เหตุการณ์ 2475 ก่อให้เกิด “พื้นที่ของสามัญชน” ในมิติของพุทธศาสนามากขึ้น

ชนชั้นกลางสนับสนุนกิจกรรมทางพุทธศาสนา เช่น สนับสนุนวัดสวนโมกขพลาราม จ.สุราษฎร์ธานี มีสมาคมส่งเสริมพระพุทธศาสนา มีพุทธสมาคมแห่งประเทศไทย มียุวพุทธิกสมาคม เกิดขึ้น

และเมื่อประเทศไทยก้าวเข้าสู่ช่วงต่อสู้กับลัทธิคอมมิวนิสต์ พุทธศาสนาได้ชูความเหนือ โดยเน้นที่ “จิตนิยม” ขณะที่มองว่าคอมมิวนิสต์เน้นที่ “วัตถุนิยม”

การเปรียบเทียบดังกล่าวทำให้พุทธศาสนาเน้นการทำวิปัสสนากรรมฐานอีกครั้ง ยิ่งเมื่อกาลทับซ้อนกับช่วงกึ่งพุทธกาลตามพุทธทำนายที่ว่า เมื่อเวลาล่วงเลยถึง 2500 ปี ศาสนาพุทธจะเริ่มเสื่อม

ยิ่งทำให้มีแรงสนับสนุนพุทธศาสนาเพื่อให้ดำรงอยู่ต่อไปจากหลายทิศทาง

จังหวะก้าวพุทธศาสนาในไทยจากวันนั้นถึงวันนี้ ได้บังเกิดเรื่องราวต่างๆ มากมาย ปัจจุบันเรามีพระเซเลบ มีภิกษุณี มีฆราวาสเผยแผ่ธรรมะ

น่าสังเกตว่า ไม่ว่าจะเป็นภิกษุ ภิกษุณี หรือฆราวาส ที่ได้รับความเชื่อถือ ล้วนเป็นความเชื่อถือในฐานะผู้เผยแผ่พระธรรม

เป็นความศรัทธาต่อผู้ที่เผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าได้เข้าใจ

จากยุคหนึ่งที่มอบความศรัทธาให้เฉพาะสงฆ์ แต่เมื่อมีคนในผ้าเหลืองเกิดเรื่องฉาวจนสังคมตั้งคำถามมากมาย ความศรัทธาก็มีการเปลี่ยนแปลง

ปัจจุบัน สังคมจึงให้ความศรัทธาต่อพระสงฆ์ ให้ความศรัทธาต่อภิกษุณี แม่ชี รวมไปถึงวิทยากรคนธรรมดา

จากข้อสังเกตดังกล่าว สรุปให้เห็นว่าความศรัทธาไม่ได้ติดอยู่ที่ “คน” หากแต่เป็นความศรัทธาใน “ธรรม”

ดังนั้น ท่ามกลางกระแสข่าวพระผู้ใหญ่ พระดัง ตกเป็นเหยื่อโลภ โกรธ หลง จนหมดสภาพ หากได้นั่งพินิจพิจารณา

นั่นคือ “คน” ไม่ใช่ “พระธรรม”

ขณะที่แก่นแท้ที่สร้างศรัทธาจากอดีตสู่ปัจจุบันคือเนื้อความในพระธรรม

เป็นเนื้อความที่แนะแนวทางให้ผู้ปฏิบัติตามพ้นทุกข์

ด้วยเหตุนี้จึงเชื่อว่าเรื่องเล่าเกี่ยวกับพุทธศาสนาในไทยยังต้องมีต่อไป ตราบเท่าที่พระธรรมยังคงส่องทางให้ผู้ศึกษาและปฏิบัติตามได้พ้นทุกข์

นฤตย์​ เสกธีระ

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.