"ประชาธิปัตย์" เคาะวันประชุม เลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ 18-19 ต.ค.นี้ ยันไม่กดดันกระแสสังคม แต่ฟังเสียงประชาชนนำทางฟื้นฟูพรรค

วันที่ 16 ก.ย.2568 เวลา 14.22 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายประมวล พงศ์ถาวราเดช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รักษาการแทนหัวหน้าพรรค เปิดเผยว่า การประชุม สส. พรรคในวันนี้ (16 ก.ย.2568) เป็นเพียงวาระปกติ  เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการประชุมของสภาผู้แทนราษฎรในวันพุธและพฤหัสบดีเท่านั้น ไม่ได้มีวาระพิเศษอื่นใด นอกจากนี้ ยังยืนยันว่าการประชุมในวันนี้ไม่ใช่การ "ซาวด์เช็ค" เสียง ส.ส. เพื่อเลือกหัวหน้าพรรคแต่อย่างใด โดยการดำเนินการซาวด์เสียงหรือขั้นตอนการเชิญองค์ประกอบของที่ประชุมจริงจะเกิดขึ้นในการประชุมวันที่ 18 กันยายนนี้  ซึ่งจะมีการเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องไม่ต่ำกว่า 250 คน จากทุกภาคส่วน เช่น สมาชิก อดีตรัฐมนตรี อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาท้องถิ่น และสมาชิกพรรค ให้ครบถ้วนตามข้อบังคับของพรรค

"ประชาธิปัตย์ รับฟัง กระแสสังคม เลือกผู้นำ เมื่อถูกสอบถามถึงแนวทางการพิจารณาบุคคลที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ ในขณะนี้ยังไม่มีการหารือกันอย่างเป็นทางการถึงรายชื่อผู้ที่ควรจะถูกเสนอ ทว่าทางพรรคกำลังพิจารณาจาก กระแสสังคมว่ามีความต้องการและทิศทางแบบใด เพื่อให้พรรคสามารถเดินหน้าและฟื้นฟูพรรคได้อย่างแท้จริง มีการพูดคุยกันในหมู่ ส.ส. ของพรรคว่าสังคมกำลังมองไปในทิศทางใด เพื่อให้การคัดเลือกผู้นำใหม่สามารถนำพาพรรคกลับมามีผู้แทนเพิ่มมากขึ้นได้”นายประมวลกล่าว

รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ประชาชนกำลังจับตาการเลือกผู้นำพรรคคนใหม่อย่างใกล้ชิดว่า ตนในฐานะรักษาการหัวหน้าพรรคไม่ได้รู้สึกกดดันจากการจับตาของประชาชนแต่อย่างใด พร้อมเน้นย้ำว่าจะดำเนินการตามกฎ กติกา และข้อบังคับของพรรค รวมถึงพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง เพื่อให้พรรคสามารถเดินหน้าและบรรลุวัตถุประสงค์ที่ได้รับมอบหมายจากนายเฉลิมชัยในการบริหารพรรคให้มีผู้บริหารคนใหม่ที่ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า การจับตาและแสดงความคิดเห็นจากประชาชนส่วนหนึ่ง ถือเป็นปัจจัยสำคัญ ที่สมาชิกและ ส.ส. ของพรรคจะต้องนำมาพิจารณาว่าจะตอบสนองและดำเนินการแก้ไขปัญหาเพื่อให้พรรคเดินหน้าต่อไปได้อย่างไร

ส่วนการเปิดโอกาสให้สมัครหัวหน้าพรรค ต้องมีคุณบัติอย่างไร นายประมวลกล่าวว่า ผู้ที่สนใจสมัคร มาเป็นหัวหน้าพรรคคงทราบคุณสมบัติเป็นอย่างดีอยู่แล้ว โดยทั่วไป อดีต ส.ส.  อดีตสมาชิก และอดีตนายกฯ ที่เคยลาออกไปแล้ว ก็ยังมีคุณสมบัติครบถ้วนและสามารถกลับมาสมัครได้ ส่วนผู้ที่ไม่เคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอาจต้องมีคุณสมบัติเพิ่มเติม เช่น เป็นสมาชิกพรรคมาแล้ว 2 ปี หรือเข้าข่ายยกเว้นตามข้อบังคับของพรรค โดยมองว่ารายละเอียดในส่วนนี้ไม่ใช่สาระสำคัญ เนื่องจากผู้สมัครจะทราบคุณสมบัติของตนเองดีอยู่แล้ว

ในส่วนของกรอบระยะเวลาในการจัดการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารชุดใหม่นั้น คาดการณ์ว่าน่าจะอยู่ในช่วงเดือนตุลาคม โดยวางไว้วันที่ 18-19 ตุลาคม นี้  โดยอาจเป็นวันเสาร์หรือวันอาทิตย์ แต่ยังไม่มีความชัดเจนในรายละเอียดที่แน่นอน