"ครูแดง" เผย "ส่วยสัญชาติ" ฉวยโอกาสอำเภองานเข้าเรียกเก็บหัวคิว แนะ "นายกฯ" ทบทวนกระบวนการแปลงสัญชาติ
GH News September 16, 2025 09:17 PM

 

วันที่ 16 กันยายน 2568 นางเตือนใจ ดีเทศน์ หรือ “ครูแดง” กรรมการผู้ก่อตั้งมูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา (พชภ.) กล่าวถึงกรณีที่มีการเก็บค่าหัวคิวจากประชาชนที่พัฒนาสถานะบุคคลในกลุ่มมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) 29 ตุลาคม 2567 เรื่องหลักเกณฑ์เพื่อเร่งรัดการแก้ไขปัญหาสัญชาติและสถานะบุคคลให้แก่บุคคลที่อพยพเข้ามาเป็นเวลานานและกลุ่มบุตรที่เกิดในราชอาณาจักรว่า จริงๆแล้วเป็นนโยบายที่ดี แต่ขาดการเตรียมการ ในอำเภอที่มีกลุ่มเป้าหมายจำนวนมาก ควรเพิ่มบุคคลากร งบประมาณ และทรัพยากรเพื่อรองรับอย่างเหมาะสม 

“การกำหนดเวลา 5 วัน จะทำได้จริงอย่างไร เนื่องจากนับวันที่ 1 คือวันที่เอกสารครบถ้วน กรอบเวลา 5 วันสั้นเกินไป ควรมีเวลาให้เจ้าหน้าที่พิจารณาเอกสารอย่างรอบคอบ สุจริต โปร่งใส ส่วนกลางควรจัดทีมมาช่วยดำเนินการในอำเภอที่มีกลุ่มเป้าหมายจำนวนมาก”นางเตือนใจ กล่าว 

นางเตือนใจกล่าวว่า หลายกรณีพบว่าความรู้ความเข้าใจของเจ้าหน้าที่ก็ไม่เท่ากัน ดังนั้นส่วนกลางต้องมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาสนับสนุน และขอเสนอว่าวันที่ 30 กันยายนนี้ ทุกสำนักทะเบียนควรประเมินผลว่าการดำเนินการจนถึงปัจจุบันเป็นอย่างไร และควรมีข้อเสนอแนะว่าจะปรับการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามนโยบายอย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไร เพราะขณะนี้นโยบายที่ออกมา ดูว่ากลายเป็นภาระและความกดดันของเจ้าหน้าที่ และเป็นการฉวยโอกาสจนเกิดการทุจริตได้โดยง่าย โดยเฉพาะกลุ่มที่สอง คือคือบุตรที่เกิดในประเทศไทย ซึ่งเป็นกลุ่มที่ต้องการสัญชาติเป็นอย่างมากเพื่อให้ได้ไปทำงานนอกพื้นที่ 

“เมื่ออำเภอถูกกดดันและจัดคิว ซึ่งทุกคนต่างก็มีความจำเป็น ทำให้หลายพื้นที่พบว่าใครที่อยากได้คิวเร็วก็ต้องไปหาช่องทาง จึงเป็นช่องทางเอื้อต่อการเรียกรับผลประโยชน์ หากมีการทุจริตก็ต้องสืบสวนและลงโทษให้เด็ดขาด” นางเตือนใจ กล่าว 

ครูแดงกล่าวว่า ตามกลุ่มเป้าหมายของมติครม.นี้ ประมาณ 3.8 แสนคน คือกลุ่มที่อยู่ในประเทศไทยมานานคือกลุ่มที่ถือบัตร 0-89 และกลุ่มบัตรเลข 6 ซึ่งมีสิทธิยื่นขอมีใบสำคัญถิ่นที่อยู่ถาวรและใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวตามมาตรา 17 พ.ร.บ.คนเข้าเมือง เมื่อได้ใบสำคัญถิ่นที่อยู่และใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวแล้ว อีก 5 ปีจึงจะมีสิทธิยื่นขอแปลงสัญชาติเป็นไทยตามมาตรา 10 ของพรบ.สัญชาติ กระบวนการแปลงสัญชาติ ใช้เวลานาน 10 ปีขึ้นไปเพราะ เกี่ยวข้องกับหน่วยงานมากกว่า 10 หน่วยงาน มีขั้นตอนซับซ้อน14 ขั้นตอน 

นางเตือนใจกล่าวว่ากรณีศึกษา 14ราย ที่มูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา (พชภ.) ดำเนินการกับกลุ่มผู้เฒ่าชาวอาข่าจังหวัดเชียงราย นับ 1จากวันที่คณะทำงานสัมภาษณ์สังเกตพฤติกรรมและตรวจสอบความประพฤติระดับจังหวัดให้ความเห็นชอบแล้ว จนถึงวันที่ได้ประกาศรายชื่อ ผู้ที่ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้แปลงสัญชาติเป็นไทยได้ในราชกิจจานุเบกษาใช้เวลาเร็วที่สุด 2 ปี 

“ขอเสนอให้ท่านนายกฯอนุทิน จัดประชุมเพื่อทบทวนกระบวนการแปลงสัญชาติให้มีประสิทธิภาพรวดเร็วยิ่งขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มผู้เฒ่าไร้สัญชาติ และทบทวนกรอบเวลาหลังจากที่ได้ใบสำคัญถิ่นที่อยู่และใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวแล้ว การได้สิทธิ์ในการยื่นขอแปลงสัญชาติตามมาตรา 10 ของพระราชบัญญัติสัญชาติควรจะใช้เวลาไม่นานจนเกินไป”นางเตือนใจ กล่าว 

นางเตือนใจกล่าวว่า จังหวัดเชียงรายมีกลุ่มเป้าหมายมากถึง 9.6 หมื่นคน เช่น กลุ่มไทยลื้อ ที่เข้ามามีภูมิลำเนามากกว่า 60 ปีแล้วแต่ก็ยังไม่ได้เข้าถึงสิทธิ ที่สำคัญนโยบายนี้ออกมาในขณะที่เจ้าหน้าที่สำนักทะเบียนก็ยังต้องทำงานทะเบียนราษฎรของคนไทยทั่วไปตามปกติด้วย 

“ยังได้ยินว่าชาวบ้านกลัวว่าในวันที่ 30 กันยายนนี้จะครบหนึ่งปีแล้วนโยบายนี้จะจบ แต่จริงๆ คือ ประกาศกระทรวงมหาดไทย ออมาเมื่อ 30 มิถุนายน 2568 จึงยังมีเวลาถึง มิถุนายน 2569 หากยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ ครม.ก็สามารถขยายเวลาออกไปได้อีก หลายพื้นที่ยังพบว่าเจ้าหน้าที่กลัวผิด เพราะจำนวนมากถือเอกสารไม่ตรงกัน แบบ 89 ไม่ตรง ไม่ระบุปีที่เข้ามาในไทย เป็นปัญหาว่าจะให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติทำอย่างไร และยังมีกลุ่มที่มีชื่อแต่ไม่มีตัวตน ไม่อยู่ในหมู่บ้านฯลฯ ทำให้ซับซ้อนยิ่งขึ้น” นางเตือนใจ กล่าว

ชาวบ้านกลุ่มชาติพันธุ์รายหนึ่งใน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ให้สัมภาษณ์ว่า ตนเกิดบริเวณพรมแดนไทย-พม่า โดยพ่อแม่มีบัตรเลข 6 ตนได้ยื่นเรื่องของทำบัตรประชาชนเริ่มตั้งแต่ปี 2553 โดยไม่มีใบแจ้งเกิดแต่มีหนังสือรับรองการเกิด ออกโดยอำเภอ ขณะนี้ตนอายุ 40 ปี มีลูก 3 คน ทั้งหมดถือบัตรสีชมพู เลข 7 

“ผมพยายามยื่นเรื่องไป แต่ต้องจ่ายค่าหัวคิวให้เขาถึงจะได้คิว ผมเลยยังไม่ได้ทำ ผมเองอยู่ในกลุ่มคนที่ควรได้บัตรประชาชนครั้งนี้ เพราะพ่อแม่มีบัตรเลข 6 และผมก็อยู่มานานแล้ว ทำให้ทุกวันนี้ลูกๆผมก็ยังไม่มีบัตรประชาชน เขาบอกต้องพิสูจน์ให้ผมได้บัตรก่อน แต่จริงๆแล้วเพื่อนผมที่มีสถานะเหมือนกัน เขาได้บัตรประชาชนแล้วเพราะก่อนหน้านี้เขาจ่ายเงินไปนับแสนบาท” ชาวบ้านรายนี้ กล่าว

 

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.