เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ปรับเพิ่มการระบายน้ำ จากเดิมอัตรา 200 ลบ.ม./วินาที เป็น 350 ลบ.ม./วินาที เตรียมรับมือพายุปลายเดือน ย้ำไม่กระทบท้ายเขื่อน เตือนประชาชนเฝ้าระวังใกล้ชิด
วันที่ 17 ก.ย.2568 ผู้สื่อข่าวอัพเดทสถานการณ์น้ำ จ.ลพบุรี ล่าสุดวันนี้ โดยโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักสิทธิ์ ได้ออกหนังสือ ด่วนที่สุด ลงวันที่ 17 กันยายน 2568 เรื่อง แจ้งเตือนประชาชนเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ฉบับที่ 6
โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักชลสิทธิ์ จะดำเนินการปรับเพิ่มการระบายน้ำ จากเดิมอัตรา 200 ลบ.ม./วินาที เป็นอัตรา 350 ลบ.ม./วินาที โดยเพิ่มขึ้นในอัตราวันละ 50 ลบ.ม./วินาที ซึ่งจะทยอยปรับเพิ่มการระบายน้ำขึ้นเป็นลำดับ ตั้งแต่วันที่ 17 ถึง 19 กันยายน 2568
ด้าน นายสมชาย ร่มเย็น หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักชลสิทธิ์ ระบุว่าวันนี้ 17 ก.ย.68 ณ ปัจจุบันน้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มีปริมาณน้ำอยู่ในเขื่อนมีอยู่ 637,000,000 ลูกบาศก์เมตร หรือประมาณ 66% ซึ่งในวันนี้มีน้ำเข้าเขื่อนอยู่ที่ 584 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หรือประมาณ 50,000,000
ทางเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มีการระบายน้ำอยู่ที่ 250 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งแนวทางในการบริหารจัดการน้ำช่วงนี้ ทางกรมชลประทานได้พิจารณาปรับเพิ่มการระบายน้ำ ของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ตั้งแต่เมื่อวานซึ่งได้ระบายอยู่ที่ 200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยแนวโน้ม เนื่องจากน้ำทางตอนบน จากจังหวัดเพชรบูรณ์ ที่กำลังไหลลงมาเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ยังมีแนวโน้มที่ยังคงเพิ่มขึ้น
สอดคล้องกับทางกรมอุตุนิยมวิทยา ที่ได้คาดการณ์ไว้ว่าช่วงประมาณปลายกันยายนนี้ จะมีร่องความกดอากาศต่ำ ลงมาพาดผ่านในพื้นที่ภาคกลาง แล้วก็อาจจะมีพายุที่จะเข้าประเทศไทย ประมาณ 1-2 ลูก เพื่อเป็นการเตรียมรองรับกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น กรมชลประทาน จึงพิจารณาปรับเพิ่มระบายจาก 200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็นอัตรา 350 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
โดยอาจทยอยปรับขึ้น ในอัตราวันละ 50 ลูกบาศก์ต่อวินาที ซึ่งในวันนี้ได้เริ่มทยอยปรับขึ้นแล้วจากเมื่อวาน 200 ลูกบาศก์ต่อวินาที วันนี้ 17 ก.ย.68 เป็น 250 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แล้วก็พรุ่งนี้จะทยอยปรับเป็น 300 ลูกบาศก์ต่อวินาที ตามลำดับ จนถึง 350 ลูกบาศก์ต่อวินาที ในวันที่ 19 ก.ย.68 เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น เป็นการวางแผนรองรับสถานการณ์ล่วงหน้ารวมถึงเป็นการควบคุมเกณฑ์น้ำในเขื่อนให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
ทั้งนี้ การระบายน้ำของเขื่อนสักชลสิทธิ์จะบริหารจัดการโดยใช้เป็นการจัดจราจรน้ำ ในช่วงที่เขื่อนเจ้าพระยามีอัตราการระบายน้ำมาสูง ทางเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ก็มีการชะลอน้ำไว้ช่วงหนึ่ง แต่ช่วงในอัตราการระบายน้ำที่ 350 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็นอัตราการระบายน้ำของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ที่ไม่เกิดผลกระทบกับในพื้นที่ด้านท้ายเขื่อน ปริมาณน้ำยังอยู่ในลำน้ำแม่น้ำสัก ซึ่งก็จะมีการบริหารจัดการน้ำในภาพรวมอยู่
สำหรับในช่วงนี้ตั้งแต่กลางกันยายน ไปจนถึง กลางตุลาคม ยังอยู่ในช่วงสภาวะของฤดูฝน ฤดูน้ำหลาก จึงอยากฝากแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ด้านท้ายเขื่อน หรือ เหนือเขื่อนและประชาชนทั่วไป ให้ติดตามเฝ้าระวังในช่วงนี้สถานการณ์น้ำของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ อย่างใกล้ชิด
โดยจะมีเรื่องของการประชาสัมพันธ์ แจ้งเตือนทาง Facebook ของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จะการแจ้งเตือนเป็นหนังสือราชการ และมีการแจ้งเตือนทาง LINE กลุ่มเครือข่ายต่างๆ เป็นกลุ่มเครือข่ายทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อำเภอและเทศบาลตำบลต่างๆ เพื่อให้รับทราบข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว
ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันความเสียหายที่จะเกิดต่อทรัพย์สินของประชาชน จากการที่ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักจะเพิ่มขึ้นจากเดิมอีกประมาณ 1.30 – 1.50 เมตร โดยระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นยังอยู่ในลำน้ำไม่เกิดสภาวะน้ำล้นตลิ่งแม่น้ำป่าสัก จึงใคร่ขอให้ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ทราบ และติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดต่อไป