แค่ 1 เดือน ต้องรักษาผู้ป่วย "มะเร็งตับ" ถึง 3 ราย แพทย์ถึงกับถอนหายใจ พร้อมกล่าวว่า "ทุกคนมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน"
เร็ว ๆ นี้ นายแพทย์อู๋ จงเฉียน ผู้เชี่ยวชาญด้านตับ ทางเดินน้ำดี และระบบทางเดินอาหาร จากโรงพยาบาลซินฮุยซิน ของไต้หวัน ได้เผยถึงกรณีผู้ป่วยโรคมะเร็งตับที่เขากำลังรักษาอยู่ โดยเปิดเผยว่า ภายใน 1 เดือน เขารับผู้ป่วยมะเร็งตับถึง 3 ราย
ผู้ป่วยรายล่าสุดเข้ารับการตรวจเนื่องจากมีปัญหาที่ถุงน้ำดี ผลอัลตราซาวนด์เบื้องต้นพบติ่งเนื้อและนิ่วในถุงน้ำดี แต่เมื่อแพทย์ทำการตรวจบริเวณตับอย่างละเอียดกลับพบก้อนเนื้อร้าย 2 ก้อน ขนาดเกือบ 2 เซนติเมตร บริเวณขอบตับด้านขวา ซึ่งผลการตรวจชิ้นเนื้อยืนยันว่าเป็นมะเร็งตับ
แพทย์กล่าวว่าก่อนหน้านี้ เขาก็เคยวินิจฉัยผู้ป่วยมะเร็งตับอีก 2 รายด้วยวิธีอัลตราซาวนด์เช่นกัน
นายแพทย์อู๋ จงเฉียน เผยว่า ผู้ป่วยมะเร็งตับทั้ง 3 รายที่เขารักษา มีจุดร่วมกันอย่างหนึ่ง คือ ทุกคนเคยเป็นโรคตับอักเสบชนิดบี แต่ไม่ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ หนึ่งในผู้ป่วยยังป่วยเป็น โรคตับแข็ง ร่วมกับมะเร็งตับอีกด้วย
โรคตับอักเสบชนิดบี เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบี (HBV) หากผู้ป่วยโรคตับอักเสบชนิดบีเรื้อรังไม่ได้รับการรักษาอย่างจริงจัง อาจนำไปสู่ภาวะตับถูกทำลาย, ตับวายเฉียบพลัน, ตับวายจนหมดสติ, ภาวะอวัยวะล้มเหลวหลายระบบ และเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งตับ
งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature ชี้ให้เห็นว่า มากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยมะเร็งตับทั่วโลกมีความเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบีเรื้อรัง
ตามข้อมูลจาก Healthline เว็บไซต์ด้านสุขภาพของสหรัฐอเมริกา ได้อธิบายกลไกการเกิดโรคไว้ว่า เมื่อไวรัสตับอักเสบชนิดบีเข้าสู่ร่างกาย จะเดินทางไปที่ตับและแทรกซึมเข้าไปในเซลล์ตับ ตัวไวรัสเองไม่ได้ทำลายเซลล์ตับโดยตรง แต่เป็นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายที่จะเข้าโจมตีและทำลายเซลล์ตับที่มีไวรัสอยู่ ส่งผลให้เกิดความเสียหายและตับอักเสบขึ้น
เมื่อเวลาผ่านไป เนื้อเยื่อตับที่เสียหายจะเปลี่ยนเป็นเนื้อเยื่อพังผืด ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะตับแข็ง ตับวาย และในที่สุดก็สามารถพัฒนาไปเป็นมะเร็งตับได้
นอกจากนี้ งานวิจัยยังระบุว่า ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบีเรื้อรังและไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที จะมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งตับสูงกว่าคนทั่วไปถึง 25%
นายแพทย์อู๋ จงเฉียน แนะนำให้ทุกคน ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบชนิดบี เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และสำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้อยู่แล้ว ควรรักษาด้วยยาต้านไวรัสตามคำสั่งของแพทย์อย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งเข้ารับการตรวจสุขภาพเป็นประจำ รวมถึงอัลตราซาวนด์คัดกรองมะเร็งตับ เพื่อตรวจหาความผิดปกติแต่เนิ่น ๆ