วันที่ 18 กันยายน 2568 Pi Daily ประชุม FED ลดดอกเบี้ยตามที่ประเมินไว้แต่ส่งสัญญาณดำเนินนโยบายตามข้อมูล โดย Dot Plot ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้และลดทั้งหมด 1 ครั้งในปีหน้า บาทเริ่มกลับมาอ่อนค่า มองบวกกับส่งออก
ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวก 260 จุด (+0.57%) แต่อย่างไรก็ตามบรรยากาศการลงทุนค่อนข้างผันผวนเพราะประธาน FED ส่งสัญญาณระมัดระวังการลดดอกเบี้ย ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 0.76% หลังจากสหรัฐฯ รายงานสต็อกเพิ่มขึ้น
เมื่อคืนที่ผ่านมาธนาคารกลางสหรัฐฯ ตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ย 0.25% เป็นไปตามที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ ในส่วนของตัวเลขเศรษฐกิจพบว่า FED มีการปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้สู่ระดับ 1.6%YOY จากเดิมที่ 1.4%YoY และอัตราการว่างงานที่ระดับเดิมราว 4.5% พร้อมกับเงินเฟ้อ (PCE) ที่ระดับ 3% แต่อย่างไรก็ตามปรับเพิ่มการลดดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง หรือส่งสัญญาณจะปรับลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งจากนี้ ทางประธาน FED แถลงว่าตลาดแรงงานส่งสัญญาณอ่อนตัวและอาจมีผลต่อความสามารถในการรักษาอัตราการว่างงานให้อยู่ระดับต่ำแต
อย่างไรก็ตามเงินเฟ้อยังสูงกว่าเป้าหมายเพราะมีแรงกดดันจากหลายปัจจัยเช่นภาษีนำเข้าและยืนยันถึงการบริหารนโยบายยึดหลักตัดสินใจตามข้อมูลพร้อมยืนยันไม่มีการแทรกแซงทางการเมือง โดยปิดโอกาสการลดดอกเบี้ยแบบแรงเพราะกังวลว่าจะมีผลต่อทิศทางเงินเฟ้อให้เร่งตัว ภายหลังจากทราบข้อมูลทั้งหมดพบว่า US Bond Yield กลับมาเร่งตัวขึ้นผสานกับ Dollar Index พลิกมาแข็งค่าและกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าทดสอบ 31.8 บาท / ดอลลาร์สหรัฐฯ สะท้อนมุมมองเชิงเข้มงวดมากขึ้นจากตลาดส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะว่าทาง FED ยังคงกังวลกับภาวะเงินเฟ้อและปิดโอกาสลดดอกเบี้ยในอัตราเร่ง ปี 26 FED ประเมินว่าจะลดดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้งเท่านั้น
จากเงินบาทที่อ่อนค่ามองเป็นบวกกับหุ้นในกลุ่มส่งออกและท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT ITC TU) ประเมินทิศทางเงินบาทมีโอกาสทยอยอ่อนค่าต่อเพราะส่งออกมีแนวโน้มเริ่มจะเติบโตในทิศทางชะลอลงหรืออาจติดลบก็เป็นไปได้เพราะช่วงแรกเร่งไปค่อนข้างแรง ปัจจัยติดตามคืนนี้ได้แก่จำนวนขอรับสวัสดิการว่างงาน Bloomberg Consensus คาดการณ์ไว้ที่ 2.4 แสนและในประเทศรอติดตามการนำคณะรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้า ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในเร็วนี้ วันนี้ประเมิน SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1295 – 1315 ภาพรวมยังดูเป็นบวกการลดดอกเบี้ยของ FED ไม่ได้ชี้นำถึงเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่นำไปสู่ Recession แต่เป็นการลดเพื่อช่วยประครองตลาดแรงงานและในประเทศมีความคาดหวังเกี่ยวกับการกระตุ้นเศรษฐกิจ
แต่อย่างไรก็ตามด้วย Valuation SET ที่เริ่มสูง (Forward PE 14.5x) จึงไม่ได้คาดหวัง Upside ที่เยอะมากจากนี้ เชิงกลยุทธ์การลงทุนเน้นเป็นเพียงระยะสั้นและเลือกหุ้นที่ยังปรับขึ้นน้อย อาทิ ส่งออก (ITC TU) ท่องเที่ยว (MINT) ค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO) นิคมอุตสาหกรรม (AMATA WHA)
ITC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 16.00 บาท)
ผลประกอบการงวด 2Q25 เริ่มเห็นการฟื้นตัวจาก 1Q25 มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 2%QoQ ขณะที่ปัจจัยบวกที่เห็นได้มีคือการรักษาระดับกำไรขั้นต้นให้ยังอยู่ในระดับ 25% ได้ ขณะที่แนวโน้มในช่วง 2H25 คาดรายได้ยังเติบโตได้ดีอยู่ทั้งจากคำสั่งซื้อใหม่ที่รอส่งมอบอีกมากกว่า 1,600 ล้านบาท
WHA (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 5.10 บาท)
2H25 ซึ่งในแง่เป้าการดำเนินงานยังคงเป็นไปตามแผนเดิมในทุกธุรกิจเหมือนที่กล่าวไว้ตอนประชุมนักวิเคราะห์ครั้งล่าสุด อย่างเช่นเป้าการขายที่ดิน การเพิ่มพื้นที่เช่าธุรกิจโรงงาน รวมถึงเป้าการขายน้ำและไฟ