วันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2568 เวลา 11.00 น.กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา ฉบับที่ 2 เรื่อง พายุดีเปรสชัน
เมื่อเวลา 10.00 น. ของวันนี้ (18 ก.ย. 68) พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 19.5 องศาเหนือ ลองจิจูด 119.0 องศาตะวันออก ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศเหนือค่อนทางตะวันตกเล็กน้อย ด้วยความเร็วประมาณ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณด้านตะวันออกของประเทศจีนตอนใต้ ในช่วงวันที่ 19-20 กันยายน 2568 โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าประเทศไทย
จากอิทธิพลดังกล่าวส่งผลทำให้ร่องมรสุมเลื่อนขึ้นมาพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบน ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสมที่จะเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย
ขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์ กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือโทร 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง กรมอุตุนิยมวิทยาจะออกประกาศฉบับต่อไปในวันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2568 เวลา 17.00 น.
ด้านสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้รายงานสถานการณ์น้ำปัจจุบัน พบว่าอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ในพื้นที่ลุ่มน้ำชีมีปริมาณน้ำมาก ได้แก่
- อ่างเก็บน้ำจุฬาภรณ์ จังหวัดชัยภูมิ มีปริมาณน้ำอยู่ที่ 123 ล้านลูกบาศก์เมตร (ล้าน ลบ.ม.) หรือ 75% ของความจุเก็บกัก และปิดการระบายน้ำ
- อ่างเก็บน้ำอุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น มีปริมาณน้ำอยู่ที่ 1,762 ล้าน ลบ.ม. หรือ 72% ของความจุเก็บกัก ระบายน้ำ 18 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน
- อ่างเก็บน้ำลำปาว จังหวัดกาฬสินธุ์ มีปริมาณน้ำ 1,488 ล้าน ลบ.ม. หรือ 75% ของความจุเก็บกัก ระบายน้ำ 13.15 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน
นอกจากนี้ สทนช. ได้ประเมินสถานการณ์น้ำในอ่างฯ ขนาดใหญ่ทั้ง 3 แห่ง ในอีก 7 วันข้างหน้า พบว่าจะมีปริมาณน้ำจะเกิน 80% ของความจุเก็บกัก ในขณะที่ระดับน้ำท้ายเขื่อนบริเวณเมืองสำคัญ ได้แก่ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดมหาสารคาม และจังหวัดร้อยเอ็ด มีระดับต่ำกว่าตลิ่ง 0.2 – 3.0 เมตร และมีแนวโน้มลดลง ยกเว้นจังหวัดยโสธร ที่ระดับน้ำสูงกว่าตลิ่ง 0.4 เมตร และมีแนวโน้มสูงขึ้น
ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมพื้นที่รับปริมาณน้ำฝนที่จะตกมาเพิ่มจากการคาดการณ์ปริมาณฝนและสถานการณ์พายุที่จะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนกันยายน - ต้นเดือนตุลาคม จึงต้องเร่งพร่องระบายน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำชี-มูล ก่อนที่จะเกิดมวลน้ำจากปริมาณฝนที่ตกเพิ่มในลุ่มน้ำมูลและชีไหลไปรวมตัวกันที่จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งอาจส่งผลกระทบในพื้นที่เป็นวงกว้างได้
สทนช. จึงได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางแผนปรับเพิ่มการระบายน้ำของอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้ง 3 แห่ง โดยเป็นการปรับเพิ่มแบบขั้นบันไดเพื่อให้เกิดผลกระทบพื้นที่ท้ายน้ำน้อยที่สุด โดย สทนช. จะติดตามและประเมินผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายเขื่อนอย่างต่อเนื่องใกล้ชิด ในการนี้ได้ประสานให้ทุกหน่วยงานและพื้นที่เร่งสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้กับประชาชนได้รับทราบสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับทราบข้อมูลที่ถูกต้องและเตรียมรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
ขณะเดียวกัน สทนช.ได้ประเมินวิเคราะห์สภาพอากาศ สถานการณ์น้ำ และคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม ร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรธรณี กรมชลประทาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พบว่ามีพื้นที่เสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังอยู่เป็นประจำ เนื่องจากระบายน้ำไม่ทัน ในช่วงวันที่ 18 – 24 กันยายน 2568 ดังต่อไปนี้
พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม และน้ำท่วมขัง ดังนี้
ภาคเหนือ
- บริเวณ จังหวัดเชียงราย (อำเภอเมืองเชียงราย แม่สาย เชียงของ เชียงแสน และแม่จัน) จังหวัดเชียงใหม่ (อำเภออมก๋อย) จังหวัดน่าน (อำเภอแม่จริม และเวียงสา) จังหวัดแม่ฮ่องสอน (อำเภอขุนยวม แม่สะเรียง และสบเมย) จังหวัดตาก (อำเภอท่าสองยาง พบพระ แม่ระมาด สามเงา และอุ้มผาง) จังหวัดกำแพงเพชร (อำเภอคลองลาน ปางศิลาทอง) จังหวัดพิษณุโลก (อำเภอนครไทย และเนินมะปราง) จังหวัดเพชรบูรณ์ (อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ หล่มสัก หล่มเก่า เขาค้อ วิเชียรบุรี และศรีเทพ) จังหวัดนครสวรรค์ (อำเภอแม่เปิน)
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
- บริเวณ จังหวัดเลย (อำเภอวังสะพุง) จังหวัดหนองคาย (อำเภอเมืองหนองคาย) จังหวัดอุดรธานี (อำเภอกุมภวาปี กู่แก้ว ไชยวาน โนนสะอาด เมืองอุดรธานี วังสามหมอ และศรีธาตุ) จังหวัดสกลนคร (อำเภอวานรนิวาส วาริชภูมิ และอากาศอำนวย) จังหวัดนครพนม (อำเภอนาแก) จังหวัดมุกดาหาร (อำเภอดงหลวง และหนองสูง) จังหวัดกาฬสินธุ์ (อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ ท่าคันโท ยางตลาด สามชัย หนองกุงศรี และห้วยเม็ก) จังหวัดชัยภูมิ (อำเภอเทพสถิต และหนองบัวแดง) จังหวัดขอนแก่น (อำเภอกระนวน และน้ำพอง) จังหวัดมหาสารคาม (อำเภอชื่นชม) จังหวัดร้อยเอ็ด (อำเภอเมืองร้อยเอ็ด เกษตรวิสัย ธวัชบุรี พนมไพร เมืองสรวง เสลภูมิ หนองพอก และอาจสามารถ) จังหวัดยโสธร (อำเภอคำเขื่อนแก้ว) จังหวัดอำนาจเจริญ (อำเภอเมืองอำนาจเจริญ ปทุมราชวงศา พนา และลืออำนาจ) จังหวัดนครราชสีมา (อำเภอเมืองนครราชสีมา ครบุรี จักราช ชุมพวง โชคชัย โนนแดง โนนสูง ปักธงชัย พิมาย สีคิ้ว สูงเนิน และหนองบุญมาก) จังหวัดบุรีรัมย์ (อำเภอเมืองบุรีรัมย์ กระสัง ชำนิ นางรอง พลับพลาชัย ลำปลายมาศ สตึก หนองกี่ และหนองหงส์) จังหวัดสุรินทร์ (อำเภอเมืองสุรินทร์ กาบเชิง ชุมพลบุรี ท่าตูม ปราสาท ศรีณรงค์ ศีขรภูมิ สังขะ และสำโรงทาบ) จังหวัดศรีสะเกษ (อำเภอขุขันธ์ ขุนหาญ และปรางค์กู่) จังหวัดอุบลราชธานี (อำเภอกุดข้าวปุ้น เขมราฐ เดชอุดมตระการพืชผล ทุ่งศรีอุดม นาจะหลวย นาเยีย น้ำขุ่น น้ำยืน บุณฑริก พิบูลมังสาหาร สว่างวีระวงศ์ และสิรินธร)

สทนช.คาดการณ์พื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม
ภาคตะวันออก
- บริเวณ จังหวัดนครนายก (อำเภอเมืองนครนายก และบ้านนา) จังหวัดฉะเชิงเทรา (อำเภอท่าตะเกียบ และสนามชัยเขต) จังหวัดปราจีนบุรี (อำเภอกบินทร์บุรี และนาดี) จังหวัดสระแก้ว (อำเภอเมืองสระแก้ว ตาพระยา และวัฒนานคร) จังหวัดชลบุรี (อำเภอบางละมุง และศรีราชา)จังหวัดระยอง (อำเภอเมืองระยอง ปลวกแดง และนิคมพัฒนา) จังหวัดจันทบุรี (อำเภอแก่งหางแมว ขลุง เขาคิชฌกูฏ และมะขาม) จังหวัดตราด (อำเภอเมืองตราด เขาสมิง คลองใหญ่ บ่อไร่ เกาะช้าง และเกาะกูด)
เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็กที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 ของความจุเก็บกัก
- บริเวณ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร สุโขทัย พิษณุโลก ตาก เพชรบูรณ์ อุทัยธานี เลย หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร อุดรธานี ชัยภูมิ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด นครพนม มุกดาหาร ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ระยอง จันทบุรี ตราด ระนอง สุราษฎร์ธานี และกระบี่ และขอให้พิจารณาบริหารจัดการน้ำเขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก และเขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบหรือเกิดผลกระทบน้อยที่สุด
เฝ้าระวังผลกระทบจากระดับน้ำในแม่น้ำโขงเปลี่ยนแปลง
เนื่องจากมีปริมาณฝนตกสะสม บริเวณสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำโขงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีแนวโน้มส่งผลกระทบพื้นที่จังหวัดริมแม่น้ำโขง ได้แก่
- จังหวัดเชียงราย เลย หนองคาย บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี

สทนช.คาดการณ์พื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม
เฝ้าระวังระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันและระดับน้ำล้นตลิ่งและท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ
- แม่น้ำสายหลักและลำน้ำสาขาของ แม่น้ำสาย บริเวณอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย แม่น้ำยม บริเวณอำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก แม่น้ำแควน้อย บริเวณอำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ลำน้ำยัง อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด แม่น้ำชี อำเภอมหาชนะชัย จังหวัดยโสธร อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ แม่น้ำมูล อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี แม่น้ำปราจีนบุรี อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี
เฝ้าระวังผลกระทบจากกรณีเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มการระบายน้ำ ทำให้ระดับน้ำเจ้าพระยาสูงขึ้น และล้นตลิ่ง
- บริเวณคลองโผงเผง จังหวัดอ่างทอง คลองบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา แม่น้ำน้อย อำเภอเสนา และผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อำเภอเมืองสิงห์บุรี อินทร์บุรี และพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี อำเภอไชโย และป่าโมก จังหวัดอ่างทอง อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท พร้อมทั้งเฝ้าระวังกิจกรรมการใช้น้ำและการสัญจรทางน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา บริเวณ จังหวัดชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี กรุงเทพมหานคร และสมุทรปราการ

สทนช.ได้ประเมินวิเคราะห์สภาพอากาศ สถานการณ์น้ำ และคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม