ชาวนา ฟ้อง 2 บริษัทเหมืองจีน หลังเขื่อนแตก ทำน้ำเสียหลายล้านลิตร ทะลักลงสู่แม่น้ำ
ข่าวสด September 18, 2025 08:40 PM

ชาวนาแซมเบียรวมตัว ฟ้อง 2 บริษัทเหมืองจีน 80,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังเกิดเหตุเขื่อนแตก ทำน้ำเสียหลายล้านลิตร ทะลักลงสู่แม่น้ำ

บีบีซี รายงานว่า กลุ่มเกษตรกรราว176 คน รวมตัวยื่นฟ้องในแซมเบียได้ยื่นฟ้อง 2 บริษัทเหมืองจีน เรียกค่าเสียหายมูลค่า 80,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังเขื่อนกักเก็บของเสียจากเหมืองทองแดงพังถล่ม ส่งผลให้น้ำเสียหลายล้านลิตรไหลทะลักลงสู่แม่น้ำ

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เมื่อมีน้ำเสียที่มีกรดเข้มข้นหลายล้านลิตรไหลทะลักลงสู่แม่น้ำ ส่งผลให้ปลาตายจำนวนมหาศาล น้ำดื่มไม่สามารถบริโภคได้ รวมถึงพืชผลทางการเกษตรถูกทำลายหมดสิ้น

เกษตรกรระบุในคำฟ้องว่า เหตุการณ์ครั้งนี้กระทบครัวเรือนราว 300,000 ครัวเรือน ในภูมิภาคเหมืองทองแดง ซึ่งนับเป็นหนึ่งในคดีสิ่งแวดล้อมที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของแซมเบีย

ภาพประกอบ

เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา สถานทูตสหรัฐฯ ประจำแซมเบียได้ออกประกาศเตือนด้านสุขภาพ แสดงความกังวลเกี่ยวกับการปนเปื้อนอย่างกว้างขวางของน้ำและดินในพื้นที่ประสบเหตุดังกล่าว

สำหรับคดีนี้เป็นการต่อสู้ระหว่างชาวบ้านซึ่งส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรยังชีพ กับ บริษัท ซิโน เมทัลส์ ลีช แซมเบีย

โดยทางผู้ฟ้องร้องยังกล่าวอีกด้วยว่า เขื่อนกักเก็บกากแร่ที่เป็นของ บริษัท ซิโน เมทัลส์ ลีช แซมเบีย แต่ตั้งอยู่ในพื้นที่ผิวเหมืองของ บริษัท เอ็นเอฟซี แอฟริกา ไมนิงได้เกิดพังถล่มจากหลายปัจจัย ทั้งความบกพร่องด้านวิศวกรรม ข้อบกพร่องในการก่อสร้าง และการจัดการที่ผิดพลาด

ขณะที่ บริษัท ซิโน เมทัลส์ ลีช แซมเบีย เคยยอมรับว่า มีน้ำเสียราว 50,000 ลูกบาศก์เมตร รั่วไหลออกมา แต่ยืนยันว่า “เหตุรั่วไหลถูกควบคุมได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังตรวจพบ”

ภาพประกอบ

อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านระบุว่า กว่าจะทราบว่าน้ำที่ท่วมพื้นที่มีพิษอันตรายก็ผ่านไปหลายวันแล้ว ซึ่งในช่วงนั้นทั้งไร่นาและหมู่บ้านถูกน้ำท่วมจนเสียหาย และสุขภาพของประชาชนตกอยู่ในความเสี่ยง

หลายคนมีอาการผิดปกติ เช่น ปัสสาวะเป็นเลือด และแน่นหน้าอก แม้แต่บ่อน้ำที่ชาวบ้านขุดไว้เองก็ปนเปื้อนเช่นกัน พืชผลที่เก็บเกี่ยวต้องเผาทำลายเนื่องจากไม่ปลอดภัยต่อการบริโภค

ผู้ฟ้องร้องจึงเรียกร้องให้สองบริษัทนำเงิน 80,000 ล้านดอลลาร์ ฝากเข้าบัญชีที่รัฐบาลแซมเบียดูแลเพื่อเป็น “หลักประกัน” สำหรับการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมและชดเชยความเสียหาย

พร้อมทั้งควรจัดตั้งกองทุนฉุกเฉินมูลค่า 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อให้ความช่วยเหลือเร่งด่วนแก่ผู้ได้รับผลกระทบ รวมถึงตรวจสุขภาพและสิ่งแวดล้อมอย่างละเอียด

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.