"ณัฐวุฒิ ชำแหละ MOA ส้ม-น้ำเงิน ส่อเหลือซาก ชี้ฝ่ายอนุรักษ์นิยมคือผู้กำหนดเกม
GH News September 18, 2025 11:19 PM

วันที่ 18 ก.ย.68  นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ถ้าใครเลือกจะเชื่อว่าดีลการเมืองที่พรรคสีส้มแบกพรรคสีน้ําเงินตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย คือดีลบนโต๊ะ เขาเพิ่งคุยกันเย็นวันที่ 29 สิงหาคม หลังนายกอิ๊งค์พ้นจากตําแหน่ง ก็เอาที่สบายใจนะครับ

แต่ผมแน่ใจว่านี่คือข้อตกลงที่จบกันไปตั้งนาน เขาดีลกันไปแล้ว ที่เหลือเป็นเรื่องพิธีกรรม

ย้อนความอย่างที่ผมพูดไว้หลายที่ วันที่ 2 กรกฎาคม หัวหน้าเท้งไปออกรายการกรรมกรข่าวของคุณสรยุทธ พูดฟังได้เลยว่าจะโหวตคุณอนุทิน 3 กรกฎาคม ผมโพสต์เฟซบุ๊กชี้ให้เห็นภาพนี้

ที่น่าสนใจก็คือ วันรุ่งขึ้นคุณศักดา วิเชียรศิลป์ อดีต สส. พรรคเพื่อไทย ซึ่งไปยกมือให้คุณอนุทิน แล้วภายหลังลาออกเพื่อเตรียมรับตําแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดใหม่ เอาลูกสาวตัวเองไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม

ทําไมต้องไปสมัครตอนนั้น ทั้งๆ ที่คุณศักดา เวลานั้นยังอยู่พรรคเพื่อไทย นั่นเพราะว่ากฎหมายเขียนไว้ว่า หากมีการเลือกตั้ง สส. แบบแบ่งเขต ผู้สมัครจะต้องเป็นสมาชิกพรรคการเมืองต้นสังกัดไม่ต่ํากว่า 90 วัน

ถ้ารอจนนายกอิ๊งค์พ้นตําแหน่งแล้วค่อยสมัคร มันจะไม่ทัน คุณศักดาก็เลยเอาลูกสาวไปสมัครไว้ก่อนร่วม 2 เดือน คราวนี้ก็เลยทันเวลาพอดี

เช้าของวันอ่านคําวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ คุณสุชาติ ชมกลิ่น เดินทางไปที่พรรคภูมิใจไทย ทั้งๆ ที่เวลานั้น ตัวเองยังเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ สังกัดรัฐบาลแพทองธาร

ไม่ชัด ไม่ชัวร์ เขาไม่แสดงตัวกันแบบนี้แล้วครับ

พรรคส้มอธิบายเหตุผลว่า การตัดสินใจโหวตพรรคภูมิใจไทย เพราะสีน้ําเงินน่าไว้วางใจ น่าเชื่อถือกว่าพรรคสีแดง ไม่ว่ากันละครับ เป็นเหตุผลของแต่ละฝ่าย แต่หลังจากวันโหวตคุณอนุทิน ซึ่งพรรคสีส้มให้ความไว้วางใจสูงสุดผ่านไปแล้ว ก็เริ่มไม่ไว้วางใจครับ เพราะมี สส. พรรคประชาชนเริ่มออกมาตั้งข้อสังเกตเรื่องคุณสมบัติคนจะเป็นรัฐมนตรี

บางคนบอกว่าไม่ควรเอาคนต้องคดีเกี่ยวกับค้ามนุษย์ไปเป็นรัฐมนตรีแรงงาน บางคนก็บอกว่าไม่ควรเอาคนที่มีความใกล้ชิดกับเครือข่ายปราสาทสายฟ้า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไปเป็นรัฐมนตรียุติธรรม

ถ้าหากทําไม่ชอบมาพากลก็จะยื่นอภิปราย จะล้มรัฐบาลด้วยเสียง 143 คะแนนที่มีอยู่

เมื่อพรรคสีส้มขู่รายวัน พรรคน้ำเงินก็ไม่สนใจทุกวันเหมือนกัน เพราะยังคงเดินหน้าตั้งรัฐมนตรีที่มีเสียงทักท้วง โผนิ่งกริบ ไม่มีเปลี่ยน

เรื่อง MOA ดูแล้วก็ว้าเหว่ขึ้นทุกวันเพราะว่าข้อตกลงที่เขาเซ็นกันไว้ระหว่างคุณอนุทินกับคุณณัฐพงศ์ ดูไปดูมาแทบไม่เหลือสภาพแล้ว

ห้ามพรรคภูมิใจไทยสะสมกําลังเพิ่มเพื่อจะเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก แต่มีข่าวนายลูกหมี จังหวัดชุมพร อดีตรัฐมนตรีขิง พรรครวมไทยสร้างชาติ ยกพวกกินข้าวกินน้ํา เฮฮา ถ่ายรูปกับคุณอนุทินและคณะ

บางคนบอกว่าพวกที่ไปส่วนใหญ่ไม่ได้เป็น สส. ไม่เกี่ยวกับ MOA ไม่จริงครับ ในนั้นมี สส. ปนอยู่ด้วย และภาพที่ปรากฏจะเชื่อกันได้ยังไงว่านับจากนี้ ส.ส. เหล่านั้นจะไม่ยกมือเป็นคะแนนเพิ่มให้กับพรรคภูมิใจไทย

ที่จริงเรื่องนี้ ถ้าพรรคน้ำเงินเกรงใจพรรคส้มหน่อย ไม่จําเป็นต้องมาถ่ายรูปเป็นกลุ่มเป็นก้อนแบบนั้นก็ได้ ปิดห้องคุยกัน ทํากันลับๆ คะแนนค่อยไปเพิ่มในสภา

แต่นี่แสดงกันเปิดเปิด เป็นการเมืองบนโต๊ะ ว่าเขาจะเอาอย่างที่เขาต้องการ เสียงทักท้วงน่ะ เขาไม่ได้สนใจ ยิ่งถ้าหากรัฐมนตรียุติธรรมตั้งมาเป็นบุคคลตามที่สื่อรายงานทุกสํานักจริง ก็เท่ากับว่าพรรคสีน้ำเงินเน้นเป้าหมายของตัวเอง ไม่ได้สนใจความสําเร็จตาม MOA

คือการตั้งรัฐมนตรีว่าการยุติธรรม โดยคุณสมบัติเช่นนั้น เราไม่ไปหมิ่นแคลนความรู้ความสามารถท่านนะครับ แต่เราประเมินตัวเป้าหมาย ว่ามันต้องมีงานอะไรอยากให้ไปทําแน่ๆ ไม่งั้นไม่ฝ่าเสียงวิจารณ์ ยังไงก็จะตั้งมาขนาดนี้

เวลาเพียงแค่ 4 เดือน จะฝืนตั้งคนให้มีเสียงวิจารณ์ทําไม ถ้าหากไม่ใช่ตั้งใจจะให้ไปทําอะไรบางอย่าง ที่ต้องเป็นคนในคอนโทรลเท่านั้นถึงจะไว้ใจ

การแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งเป็น 2 ข้อใหญ่อยู่ใน MOA ตอนนี้สภาพก็เหลือไม่กี่เปอร์เซ็นต์แล้ว เพราะว่าศาลรัฐธรรมนูญรับจบให้ ปิดประตูไม่ให้ประชาชนเลือก สสร. โดยตรงมาทําหน้าที่ยกร่าง ที่เหลือคือพรรคการเมืองในสภา ก็พยายามต้องหาช่องทางในการฝ่าคําวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญไปให้ได้

เห็นภาพ 3 พรรคการเมืองหลักของ 3 ก๊ก แดง ส้ม น้ำเงิน เขาคุยกัน ทั้ง 3 ฝ่ายพูดไปในทางเดียวกันว่าจะจับมือกันเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญ ฟังแล้วก็พอคลายใจ แต่เอาเข้าจริงๆ เรื่องนี้มันไม่ได้จบที่ 3 พรรค หลักใหญ่ใจความคือต้องได้เสียง สว. 1ใน 3 คือ 67 จาก 200 เสียงด้วย

หัวหน้าพรรคประชาชนบอกว่า มันมีพรรคการเมืองบางพรรคที่น่าจะพูดคุย ทําความเข้าใจกับ สว. ได้ ผมก็จะเสนอเพื่อความสบายใจของประชาชน ซึ่งอกสั่นขวัญแขวนกับดีลพิสดารนี้มาตลอดหลายวัน

ขอให้พรรคประชาชนไปจูงมือพรรคภูมิใจไทยเดินไปคุยกับ สว. ชุดนี้ พูดกันให้ชัดว่าจะเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญไปสู่การทําประชามติ และขอคะแนนสนับสนุนจาก สว. ให้ได้ 67 คะแนน

นี่ไม่ใช่เรื่องก้าวก่ายแทรกแซงระหว่างสภาล่างกับสภาสูง แต่คือการสร้างหลักประกันให้กับประชาชนได้สบายใจขึ้นบ้าง ไม่งั้นต้องลุ้นกันรายวัน ไปตายเอาดาบหน้า โดยไม่มีหลักประกันใดใด

ถ้าพรรคสีส้มจูงมือพรรคสีน้ำเงินไปคุยกับ สว. จริง ก็คือการเอาการเมืองมาวางบนโต๊ะ คุยกันเปิดเปิด ให้ประชาชนได้แลเห็น

เรื่องมันไม่ได้เป็นความลับอะไรหรอกจะแก้รัฐธรรมนูญน่ะ คนเห็นกันทั้งบ้านทั้งเมือง สว. เคยโหวตขวาง เคยคัดค้าน คนก็จําได้ไม่มีลืม เอามานั่งคุยกันเลยดีกว่า พรรคส้มจะทําได้ไหม พรรคน้ำเงินจะเกรงใจพรรคส้ม ยอมเดินไปด้วยหรือไม่

ส่วนคดีความที่สังคมจับตาและก็เป็นกังวลอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเขากระโดง หรือฮั้ว สว. กลิ่นแปลกๆ เริ่มโชยมาแล้ว เขากระโดงกรมที่ดินเริ่มติดเบรก ยืดเวลาขยายเวลาออกไป อ้างว่าการรถไฟจะต้องไปฟ้องศาลก่อน ก็เลยไม่รู้ว่าสุดท้ายเรื่องนี้จะต้องฟ้องกันกี่ศาล

ส่วนฮั้ว สว. เดิมดีเอสไอกําลังส่งเจ้าหน้าที่ไปสอบปากคําพยานตามต่างจังหวัด ซึ่งมีคนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ไม่ต่ำกว่า 1,200 คน เริ่มมีกระแสข่าว พยานบางจังหวัดสู้มือดีเอสไอเสียแล้ว ไม่มาตามนัด เจ้าหน้าที่ดีเอสไอบางคนเริ่มถูกเรียกกลับเข้าส่วนกลาง ไม่ให้ลงพื้นที่ปฏิบัติงาน

เรื่องเหล่านี้ แม้ยังเป็นเพียงกระแสข่าว แต่มันกระทบกับความรู้สึกของประชาชน และมันอยู่บนความรับผิดชอบทางการเมืองของรัฐบาลปัจจุบัน หรือคะแนนเสียงสนับสนุนรัฐบาลปัจจุบันอย่างปฏิเสธไม่ได้

ก่อนถึงวันแถลงนโยบาย เครือข่ายอนุรักษ์นิยมที่เกี่ยวข้องกับการตั้งรัฐบาลชุดนี้ เริ่มปรากฏตัว ปรากฏหน้าให้เห็นกันชัดขึ้น ชัดขึ้น แล้วก็จะยิ่งชัดต่อๆ ไป

พรรคเพื่อไทย พรรคประชาชน ประสานเสียงยืนยันว่ารัฐบาลรักษาการยุบสภาได้ โดย ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นคนแรกที่คัดค้านว่ายุบไม่ได้ วันนี้ข่าวชัดว่า ดร.บวรศักดิ์ รับเป็นรองนายกฯ ฝ่ายกฎหมายให้รัฐบาล

คนที่ 2 ที่บอกว่ารัฐบาลรักษาการยุบสภาไม่ได้ คือเลขาธิการกฤษฎีกา ซึ่งกระแสข่าวแว่วมาแล้วว่าตั้งรัฐบาลกันเสร็จ เขาจะให้เป็นปลัดกระทรวงยุติธรรม กระทรวงยุติธรรมที่กํากับดีเอสไอ ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการมาจากบุรีรัมย์ รออยู่ก่อนแล้ว เข้าใจว่าเที่ยวนี้กะเอาชัวร์

ไม่รู้ว่าจนถึงวันรัฐบาลได้ปฏิบัติหน้าที่ สภาพ MOA จะเหลืออยู่กี่เปอร์เซ็นต์นะครับ

และถ้าพูดกันให้ถึงที่สุดการปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขของพรรคภูมิใจไทย ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเนื้อหา MOA หรือการกดดันของพรรคประชาชน แต่มันอยู่ที่คําตอบสุดท้ายจากพลังของฝ่ายอนุรักษ์นิยม ซึ่งเป็นคนเดินเกมนี้แบบตัวจริง เสียงจริง

ถ้าพรรคประชาชนต้องการให้ยุบสภา แต่พลังฝ่ายอนุรักษ์นิยมต้องการให้อยู่ต่อ ท่านคิดว่า รัฐบาลภูมิใจไทยจะตัดสินใจยังไง

ไม่มีใครรู้เลยว่า เมื่อไหร่พรรคสีส้มจึงจะสรุปว่า พรรคสีน้ำเงินละเมิดเงื่อนไข ไม่มีใครรู้เลยนะครับ ว่าเมื่อไหร่เขาจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจกัน

ขอบคุณ เฟซบุ๊ก นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.