อัญชะลี เปิดใจก่อนฟังคำตัดสินฎีกาคดี พธม.บุก NBT กำลังใจดี ซ้อมใช้ชีวิตในคุกแล้ว
ข่าวสด September 19, 2025 12:00 PM

เจ๊ปอง เปิดใจ ก่อนฟังคำตัดสินฎีกาคดี พธม.บุก NBT น้อมรับคำพิพากษา ยอมรับสิ่งที่ทำ ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง เผยกำลังใจดี เตรียมตัวเรื่องสุขภาพ-ศึกษาการใช้ชีวิต ในเรือนจำมาแล้ว เชื่อสู้ระบอบทักษิณกว่า20 ปี คนเห็นธาตุแท้ ยันคำพิพากษา ไม่มีผลกับการออกมาต่อสู้ทางการเมือง

เมื่อเวลา 08.45 น. วันที่ 19 ก.ย.2568 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก หรือเจ๊ปอง หนึ่งในจำเลยคดีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทยหรือ NBT เมื่อวันที่ 26 ส.ค. 2551 ให้สัมภาษณ์เปิดใจก่อนรับฟังคำพิพากษาของศาลในชั้นฎีกา ว่า คดีนี้ 15 ปีแล้ว ศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก 1 ปีไม่รอลงอาญา ศาลอุทธรณ์ก็ยืนตามศาลชั้นต้น

ตนก็สู้ฎีกา ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรพวกเราก็น้อมรับ เพราะที่ผ่านมาเราและทีมทนายความทำดีที่สุดแล้ว เพื่อบอกความจริงว่าเราทำอะไร และไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง ทำเพื่อส่วนรวมและสาธารณะ โดยไม่ได้รับอะไรจากสิ่งที่ทำลงไป ซึ่งตนเองก็ต่อสู่กับระบอบทักษิณมาเกือบ20ปีแล้ว

“ถ้าเราทำเพื่อตัวเอง ตลอด20ปีคนจะเห็นธาตุแท้ของเรา แต่ตลอด20ปีที่ผ่านมาคนก็ได้เห็นว่าเราทำด้วยความตั้งใจและมุ่งมั่น และทำด้วยความเชื่อ ความคิดของเรา โดยไม่ได้ไปเรียกร้องให้ใครเชื่อหรือคิดตามเรา และเราก็ยอมรับในสิ่งที่ทำลงไป เข็มนาฬิกาหมุนทวนกลับไม่ได้ ความคิดเราก็เช่นกัน ความตั้งใจของเราก็เช่นกัน” น.ส.อัญชะลี กล่าว

น.ส.อัญชลี ยอมรับว่า ส่วนตัวได้เตรียมตัวมาแล้วหากผลคำตัดสินออกมาเป็นลบ เพราะตนเองก็เป็นคนมีระเบียบวินัย จึงได้เตรียมเรื่องของสุขภาพ และเตรียมศึกษาว่าจะต้องใช้ชีวิตอย่างไรในเรือนจำ เพราะก็มีเพื่อนร่วมอุดมการณ์ที่เคยติดคุกมาเล่าให้ฟังว่าจะต้องอยู่อย่างไร ซึ่งก็เตรียมเฉพาะเรื่องสุขภาพเรื่องอื่นไม่ได้เตรียม

ทั้งนี้ยืนยันว่า ไม่ได้ทำให้ตัวเองท้อ เพราะที่ผ่านมาทำภายใต้กรอบของกฎหมาย และสิ่งที่ได้ทำไป ทุกวินาที ทุกวัน ก็มีบ้างที่อาจจะล้ำไป ซึ่งเราก็ยอมรับในสิ่งนั้น ซึ่งก็คนหลายคนให้กำลังใจตนเอง ซึ่งตนเองก็กำลังใจดีมาก กินอิ่มนอนหลับมาตลอด1สัปดาห์ ตั้งแต่ที่ตนเองรู้วันนัดฟังคำพิพากษาประมาณเดือนครึ่ง ก็ได้เตรียมร่างกาย เตรียมสุขภาพ และเคลียร์เรื่องงาน

ส่วนที่มีการเปรียบเทียบ และยกย่องตนเองกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมว่าแมนกว่านั้น น.ส.อัญชลี ยอมรับว่า ตนก็เห็นอยู่ และมองว่าก็ถูกต้อง เพราะกว่าจะลากนายทักษิณเข้าคุกได้ก็ยาก ซึ่งตนง่ายๆ ศาลให้มาก็มา และพร้อมน้อมรับคำตัดสิน

คดีนี้ตนจะขอไม่ให้ศาลเลื่อน แม้จะมีจำเลย คือ นายภูวดล ทรงประเสริฐ เป็นคนป่วยติดเตียง โดยได้ให้ทนายความไปทำเอกสารชี้แจงเพื่อให้พิจารณาในการอ่านคำพิพากษาได้เลยโดยไม่เลื่อน แม้จะสามารถใช้โอกาสนี้เลื่อนต่ออีก 30 วันได้ แต่ตนเองมองว่าเลื่อนอ่านไปก็ไม่มีประโยชน์ ซึ่งของนายภูวดล กรณีที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง ศาลก็จะมีคำวินิจฉัยเอง

อย่างไรก็ตามเราได้เตรียมใจกันมาแล้ว ถ้าเราไม่ได้กลับบ้านเราก็จะใช้ชีวิตที่ดีอยู่ในเรือนจำ แต่หากได้กลับบ้านก็จะใช้ชีวิตที่ดีเป็นประโยชน์กับทุกคนและสาธารณะชนเหมือนเดิม

ส่วนในชั้นฎีกาได้มีการขอให้ศาลลงโทษสถานเบาหรือไม่ นางสาวอัญชลี บอกว่า ไม่เลย โดยในวันที่ขอฎีกา เราก็จะได้เขียนว่า เราสารภาพ เราทำจริง เราไม่ได้บิดพริ้ว และเราก็ให้เหตุผลว่าทำไปเพื่ออะไร ไม่มีใครอยู่เบื้องหลังในการทำครั้วนี้ตัดสินใจทำเอง และขอให้ศาลได้เห็นในสิ่งที่เราทำ ส่วนศาลจะเมตตาหรือไม่เป็นดุลยพินิจของศาล ซึ่งเอกสารที่ตนเองยื่นฎีกา บางมาก โดยไม่ได้มีการยื่นหลักฐานโต้แย้งข้อเท็จจริงใดๆ แค่ขอความเมตตาในการขอฎีกาต่อศาลเท่านั้น

“ถ้าพูดภาษาชาวบ้านในชั้นฎีกา สิ่งที่เราไปเราทำจริงๆ ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ของใคร แต่ทำเพื่อประโยชน์สาธารณะจริงๆ เพื่อย้ำให้ศาลเห็นว่า บริสุทธิ์ใจ ไม่ได้ทำเพื่อผลประโยชน์ของคนใดคนหนึ่ง หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง และยอมรับโดยบริสุทธิ์ใจ” น.ส.อัญชะลี กล่าว

เมื่อถามว่าคำตัดสินในครั้งนี้จะส่งผลต่อการต่อสู้ทางการเมืองในอนาคตอย่างไรหรือไม่ น.ส.อัญชะลี บอกว่า คงไม่ส่งผลอะไรและไม่กระทบกระเทือนจิตใจอะไร ซึ่งตนเองไม่ใช่นักการเมืองเป็นเพียงภาคประชาชน และตนเองก็ยังคิดเหมือนเดิมอยู่ ถ้าตนเองได้กลับบ้านก็จะยังทำเหมือนเดิม ถ้าไม่ได้กลับบ้าน อีก1ปี ก็จะออกมาทำเหมือนเดิม

เมื่อถามย้ำว่าแม้ผลจะออกมาเป็นลบ ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการออกมาเคลื่อนไหวในอนาคตใช่หรือไม่ นางสาวอัญชลี บอกว่า ไม่มีผล และตนเองก็จะออกมาทำอีกเช่นเดิม เพราะอยากให้บ้านเมืองดี อยากให้ประชาชนอยู่ในสังคมที่ทีคุณภาพทุกมิติ และทุกครั้งที่ตนเองออกไปเคลื่อนไหว ก็ไม่เคยแสวงหาประโยชน์อะไร

“คำพิพากษา ไม่ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร เราผิดคือผิด แต่ถ้าการเมืองไม่ดีเราก็ทำอีก ไม่มีอะไรมากั้น มาขวางได้” น.ส.อัญชะลี กล่าว

เชื่อว่า คำพิพากษาจะไม่มีผลต่อมวลชนมนการลุกฮือ เพราะตนเองไม่เคยปลุกระดม และวันนี้ตนเองก็มาคนเดียวไม่ได้ให้ญาติๆมา ถ้ากลับบ้านก็ได้กลับบ้านด้วยกัน ถ้าไม่ได้กลับ รายชื่อคนให้เข้าเยี่ยมก็มีแค่คนเดียว คือคนขับรถ

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.