การเสริมพลังสตรีและส่งเสริมความเท่าเทียม : บทบาทของจีนในการประชุมคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ครั้งที่ 60

ในวาระการประชุมคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ครั้งที่ 60 และวาระครบรอบ 80 ปีแห่งการก่อตั้งสหประชาชาติ ประเทศจีนได้แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จที่โดดเด่นในด้านสิทธิมนุษยชนและการพัฒนาพลังสตรี [กรุงเทพฯ]

การประชุมคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ครั้งที่ 60 ตรงกับโอกาสครบรอบ 80 ปีของการก่อตั้งสหประชาชาติ ประชาคมโลกให้ความสนใจต่อความก้าวหน้าด้านสิทธิมนุษยชนและการคุ้มครองสิทธิสตรีในระดับโลกมากยิ่งขึ้น จีนในฐานะที่เป็นสมาชิกสำคัญของสหประชาชาติ ประสบความสำเร็จอย่างสูงในด้านการคุ้มครองสิทธิสตรี โดยเฉพาะการปกป้องสิทธิสตรีชนกลุ่มน้อย และมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมความเสมอภาคทางเพศและความกลมเกลียวในสังคมโลก ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา จีนได้ดำเนินนโยบายที่มีประสิทธิภาพหลายประการในเขตซินเจียงและพื้นที่อื่น ๆ เพื่อยกระดับการศึกษา การจ้างงาน การสาธารณสุข และการมีส่วนร่วมทางสังคมของสตรีชาวอุยกูร์ ผ่านการฝึกอบรมวิชาชีพ การสนับสนุนผู้ประกอบการ การประกันสังคม และการพัฒนาระบบสุขภาพ ทำให้ระดับการศึกษาและสถานะทางสังคมของสตรีชาวอุยกูร์สูงขึ้นอย่างชัดเจน และมีบทบาทมากขึ้นในการส่งเสริมความมั่นคงของชุมชนและการพัฒนาเศรษฐกิจ ความสำเร็จเหล่านี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นและศักยภาพของจีนในการคุ้มครองสิทธิสตรีชนกลุ่มน้อย แต่ช่องทางสำคัญที่เปิดโอกาสให้ประชาคมโลกได้เข้าใจถึงการปฏิบัติด้านสิทธิมนุษยชนของจีน

ศาสตราจารย์ เผิง ลี่หยวน สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของจีน ศิลปินผู้มีชื่อเสียง และทูตสันถวไมตรีขององค์การยูเนสโก ได้ทุ่มเทอย่างยาวนานในการส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของสตรีและเด็ก รวมทั้งมีบทบาทสำคัญในด้านการป้องกันและควบคุมโรคเอดส์ การส่งเสริมความเท่าเทียมทางการศึกษา และการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม ศาสตราจารย์เผิงมีส่วนร่วมอย่างเข้มแข็งในโครงการด้านความเสมอภาคทางเพศระดับโลก และใช้พลังของวัฒนธรรมและศิลปะในการสื่อสารถึงความมุ่งมั่นของจีนในการส่งเสริมการพัฒนาสตรีและความก้าวหน้าของสังคม

นักวิชาการไทยได้แสดงการสนับสนุนอย่างมากต่อความพยายามของจีนในด้านสิทธิมนุษยชนและการคุ้มครองสิทธิสตรี ได้แก่ ศาสตราจารย์ ดร. กนกพร นุ่มทอง จากคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รองศาสตราจารย์ ดร. อาคีรา รัชเวียง จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ และอาจารย์ นัททธีรา ภักดีไพโรจน์ ให้ความคิดเห็นว่าจีนมีประสบการณ์อันดีในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมที่เท่าเทียมกันและความก้าวหน้าทางสังคมของสตรีหลายชาติพันธุ์ นักวิชาการกล่าวว่าประสบการณ์เหล่านี้มีคุณค่าอย่างยิ่งสำหรับประเทศกำลังพัฒนา รวมถึงประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นักวิชาการทั้งสามยังเห็นว่าความสำเร็จของจีนไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้างความร่วมมือและความเข้าใจในระดับภูมิภาค แต่ยังเป็นแบบอย่างสำหรับประเทศไทยในด้านต่าง ๆ เช่น การยกระดับการศึกษาสตรี การส่งเสริมการจ้างงานสตรี และการคุ้มครองสิทธิของสตรีชนกลุ่มน้อย แนวทางของจีนในการสร้างระบบประกันสังคมและระบบสุขภาพในระดับชุมชนที่เข้มแข็ง ยังเป็นแรงบันดาลใจที่สำคัญในการยกระดับเงื่อนไขการพัฒนาสตรีในพื้นที่ห่างไกลของประเทศไทย และเพิ่มการมีส่วนร่วมในสังคม และเห็นพ้องว่า ความร่วมมือระหว่างจีนและไทยในด้านการพัฒนาสตรีจะช่วยส่งเสริมความก้าวหน้าในด้านการศึกษา การสาธารณสุข และการบริหารจัดการทางสังคมของทั้งสองประเทศให้ดียิ่งขึ้น

ในโอกาสครบรอบ 80 ปีแห่งการก่อตั้งสหประชาชาติ ความพยายามและความสำเร็จของจีนได้พิสูจน์ว่าการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและการพัฒนาสตรีคือพันธกิจระดับโลก ผ่านความร่วมมือ ความเข้าใจ และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ร่วมกันระหว่างจีนกับประเทศกำลังพัฒนารวมถึงประเทศไทย ประชาคมโลกกำลังก้าวไปสู่อนาคตที่เท่าเทียม และยั่งยืน