คนไข้เศร้า เข้าห้องเอกซเรย์ เก็บกระเป๋าในล็อกเกอร์โรงพยาบาล ออกมาเงินหายเป็นหมื่น เผยเสียใจเพิ่งได้รับเงินเดือน แต่มาเกิดอุบัติเหตุเข้ารพ. แถมไม่มีวงจรปิด

วันที่ 19 ก.ย. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางแตงอ่อน (สงวนนามสกุล) อายุ 54 ปี ถูกขโมยเงินจากในกระเป๋าสะพาย ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ จ.ชลบุรี จึงเข้าแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบถาม นางแตงอ่อน ผู้เสียหาย เล่าว่า เมื่อวันที่ 16 ก.ย. เวลาประมาณ 12.00 น. ตนได้ซ้อนท้ายรถจยย.กับสามี มาตามถนนพัทยากลางสาย3 แล้วเกิดอุบัติเหตุขึ้น ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ ได้นำตนและสามีเข้ารักษาที่โรงพยาบาลดังกล่าว ตนบาดเจ็บเล็กน้อย มีแผลถลอกๆ เจ็บที่ก้นกก และปวดเจ็บช่วงหน้าอก เนื่องจากเกิดจากการกระแทก ส่วนสามีบาดเจ็บหนักค่อนข้างสาหัส แต่ตนและสามียังมีสติครบ ไม่ได้สลบหรือมึนงงเเต่อย่างใด

เมื่อมาถึงรพ. ทางเจ้าหน้าที่ให้เข้าห้องเอกซเรย์ และให้ถอดเสื้อ ถอดสิ่งของมีค่าออก กระเป๋าสะพาย ให้นำเก็บไว้ในล็อกเกอร์ ซึ่งในขณะนั้นเองตนเริ่มรู้สึกเอะใจ เนื่องจากล็อกเกอร์ไม่มีกุญแจ ตนเป็นห่วงเงินสดในกระเป๋า ที่เพิ่งได้รับเงินเดือนค่าจ้างมา แต่คิดอีกทีคงไม่เป็นไร เพราะในห้องนี้ไม่มีใคร มีเพียงเจ้าหน้าที่เท่านั้นน่าจะปลอดภัย และหลังจากเอกซเรย์เรียบร้อยแล้ว ก็เปลี่ยนชุด และนำสิ่งของทั้งหมดออกจากล็อกเกอร์ เดินออกมาข้างนอกห้อง ไปนั่งรอยังจุดจ่ายเงินรับยา

เมื่อเจ้าหน้าที่มาขอเอกสาร จึงได้รูดซิบเปิดกระเป๋าสะพายออกดู ถึงได้รู้ว่าเงินหายไปหมื่นกว่าบาท ตนไม่กล้าถามใคร เพราะกำลังตกใจเงินหาย เมื่อกลับมาถึงบ้านตั้งสติได้ ลูกๆจึงพาไปโรงพัก ไปลงประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ก่อนที่จะติดต่อไปทางรพ.ที่เกิดเหตุ แจ้งเรื่องให้ทางรพ.ทราบ หลังรับแจ้งแล้ว ทางรพ.จึงนัดตนเข้าไปดูกล้องวงจรปิดพร้อม ๆ กัน เพื่อไขข้อข้องใจข้อสงสัยต่างๆ ในวันที่เกิดเหตุ

ต่อมา นางแตงอ่อน พร้อมด้วย บุตรชายและบุตรสาว ได้เดินทางมายังรพ.ที่เกิดเหตุ เพื่อขอดูกล้องวงจรปิดในวันที่เกิดเหตุ หลังจากผู้เสียหายได้ออกมาด้านนอกรพ. ได้แจ้งกับผู้สื่อข่าวว่า ในการดูกล้องวงจรปิดภานในรพ. ไม่เห็นด้านในห้องเอกซเรย์ จะเห็นเพียงทางเดินด้านนอกเท่านั้น ภายในห้องเอกซเรย์ไม่มีกล้อง จึงไม่สามารถเห็นภาพตอนเกิดเหตุได้ ทางรพ.ได้แนะนำตน ถ้าหากทางผู้เสียหายยังยืนยันจะแจ้งความเป็นคดีความ จะต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจร้อยเวรเป็นผู้ดำเนินการ ตามกระบวนกฎหมายต่อไป ซึ่งทางรพ.พร้อมให้ความร่วมมือทุกประการ

นายเทวฤทธิ์ อายุ 23 ปี ลูกชายนางแตงอ่อน กล่าวว่า ตนอยู่กับแม่กับพ่อตั้งแต่จุดที่เกิดอุบัติเหตุรถชนกัน แม่มีสติทุกอย่าง ในมือสองข้างยังจับกุมกระเป๋าสะพายอยู่ตลอด เพราะแม่เป็นคนรอบคอบเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ แม่จะไม่เคยประมาท แม่จะเก็บเงินดูแลกระเป๋าสะพายอย่างดี จนถึงรพ. ซึ่งตนอยู่กับแม่ตลอด จนมารู้อีกทีว่าแม่เงินหายถูกขโมยไปตอนจะกลับออกจากรพ. ซึ่งตนเองกับแม่ก็เสียความรู้สึกมากๆ คงจะต้องกลับไปปรึกษาญาติพี่น้องครอบครัวก่อนว่า จะไปต่อยังไงดีอยากได้เงินคืน