การทำ“สปา” ไม่ใช่เพียงเพื่อการผ่อนคลาย แต่ยังเป็นการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมที่เชื่อมโยงทั้งร่างกายและจิตใจ ในยุคที่ผู้คนทำงานหนัก เร่งรีบ จึงหันมาใส่ใจสุขภาพและความงามมากขึ้น การทำสปาและนวดแผนโบราณจึงกลายเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมไม่น้อยไปกว่าการออกกำลังกายหรือการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เพราะไม่แค่ช่วยเพียงคลายความเมื่อยล้า แต่ยังช่วยบำบัดและจัดการกับความเครียด ผ่านกระบวนการที่หลากหลาย ทั้งการนวด การอบสมุนไพร การใช้กลิ่นบำบัด การใช้ดนตรี และการฝึกสมาธิ ที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว
นอกจากบทบาทด้านสุขภาพ สปายังเป็นธุรกิจสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในประเทศไทย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จึงได้ส่งเสริมและยกระดับมาตรฐานผ่านโครงการประกวดรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (Thailand Tourism Awards:TTA) ครั้งที่ 15 ประจำปี 2568 ซึ่งมีการมอบรางวัลใน 5 ประเภทใหญ่ และหนึ่งในนั้นคือ “ประเภทการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ” ที่ครอบคลุมทั้ง Day Spa, Hotel & Resort Spa และ Destination Spa & Wellness โดยในปีนี้มีผู้ประกอบการที่ได้รับรางวัลถึง 14 แห่ง หนึ่งในนั้นคือ บาว่า สปา ออน ดิ เอท (BHAWA SPA on the eight) ที่ได้รับรางวัลดีเด่นประจำสาขา Day Spa
บาว่า สปา ออน ดิ เอท เดย์สปาระดับพรีเมียมที่เปิดให้บริการมากว่า 12 ปี ตั้งอยู่ในสุขุมวิท ซอย 8 ใจกลางกรุงเทพฯ โดดเด่นด้วยการผสมผสานภูมิปัญญาการดูแลสุขภาพแบบไทย ไม่ว่าจะเป็นการนวดแผนไทยโบราณหรือทรีตเมนต์หลากหลายรูปแบบ ตรงกับคำว่า “BHAWA” มาจากภาษาสันสกฤต หมายถึง สถานะแห่งการดำรงอยู่กับปัจจุบัน ที่สะท้อนแนวคิดของสปาในการชวนให้ผู้มาเยือนได้หยุดพักจากความเร่งรีบ กลับมาอยู่กับปัจจุบัน เชื่อมโยงกับธรรมชาติ และความสงบ ทั้งร่างกายและจิตใจ
กฤษณา เรืองศรี เจ้าของบาว่า สปา ออน ดิ เอท เล่าว่า ทำธุรกิจสปาเป็นเวลากว่า 27-28 ปี ได้สั่งสมประสบการณ์และคลุกคลีอยู่ในวงการสปาอย่างต่อเนื่อง จนในปี พ.ศ. 2556 จึงตัดสินใจเปิดสปาเป็นของตัวเอง โดยได้รับแรงบันดาลใจสำคัญจากการเดินทางไปสัมผัสผลงานของเจฟฟรีย์ บาว่า สถาปนิกชื่อดังชาวศรีลังกา ผู้ซึ่งออกแบบงานสถาปัตยกรรมที่กลมกลืนกับธรรมชาติ ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม แนวคิดดังกล่าวสอดคล้องกับความเชื่อและวิถีชีวิตที่ตนอยากสร้าง จึงเลือกใช้ชื่อ “บาว่า” มาเป็นชื่อของสปา เพื่อสะท้อนความเรียบง่าย ไม่เร่งรีบ และการใช้ชีวิตที่เชื่อมโยงกับธรรมชาติ พร้อมสร้างสมดุลระหว่างกาย ใจ และสิ่งรอบตัว
กฤษณา กล่าวต่อว่า เทคนิคการนวดของบาว่าเน้นศาสตร์ไทยเป็นหลัก และนำความรู้จากการเรียนนวดเทคนิคต่างในหลายๆที่มาผสมผสานจนกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว การนวดไม่ใช่แค่ผ่อนคลาย แต่ต้องลงเส้นลึกเหมือนนวดไทยแท้ เพื่อช่วยให้ลูกค้าได้คลายเส้นที่ร่างกาย หรือการนวดไทยประยุกต์ร่วมกับสมุนไพรโบราณ เช่น การใช้ “เกลือสตุ” หรือเกลืออบร้อน โดยนำเกลือไปผ่านความร้อนแบบโบราณซึ่งเป็นเทคนิคโบราณ ที่ทำหน้าที่คล้ายเส้นลึกถึงกล้ามเนื้อทำหน้าที่เปรียบเสมือนยา กระบวนการนี้มีการทำที่บ้านเกิดตนจ.ลำปาง จากนั้นจะส่งมายังร้านเพื่อนำมาใช้ในทรีตเมนต์ หรือนวดร่วมกับน้ำมันเลมอนกราส และประคบด้วยลูกประคบสมุนไพร เหมาะมากสำหรับคนที่มีอาการออฟฟิศซินโดรม โดยเฉพาะบริเวณศีรษะและบ่าไหล่
สำหรับการทำอโรม่าออยล์เป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของการทำสปา กฤษณา กล่าวว่า บาวายังมีฟาร์มสำหรับปลูกพืชสมุนไพรต่างๆ ที่จะใช้เป็นวัตถุดิบในการทำอโรม่าออยล์ เช่น ตะไคร้ โรสแมรี่ และอื่นๆ แม้ที่ฟาร์มจะยังไม่เป็นออร์แกนิกเต็มรูปแบบ แต่ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ไม่เคยใช้สารเคมี ใช้น้ำหมักชีวภาพในการปรับสภาพดิน เพราะจากการศึกษา ด้านการทำอโรม่าออยล์ที่ฝรั่งเศส ที่การปลูกจะไม่ใช้สารเคมีหรือกลิ่นสังเคราะห์โดยเด็ดขาด ทำให้เมื่ออโรม่าออยล์ซึมเข้าสู่ร่างกายจะอยู่ในผิวได้นานกว่า 4 ชั่วโมง ช่วยปรับสมดุลระบบภายใน แต่ถ้าหากเป็นน้ำหอมสังเคราะห์ก็อาจกลายเป็นสารเคมีสะสมได้ ดังนั้นส่วนหนึ่งอโรม่าออยล์จึงผลิตที่ฟาร์มของตนเอง และที่นำเข้าจากฝรั่งเศส
นอกจากนี้หนึ่งในผลิตภัณฑ์เด่นคือ น้ำมันรังไหม ซึ่งสกัดจากรังไหมผสมน้ำมันมะพร้าว ใช้ในการทรีตเมนต์บำรุงผิวหน้าและหนังศีรษะ โดยเลือกใช้รังไหมแท้จากภาคอีสาน เช่น จังหวัดอุบลราชธานี มาพัฒนาเป็นซีรั่มออยล์สำหรับนวดหน้าและตัว อีกทั้งยังนำรังไหมมาแปรรูปเป็นสครับขัดผิวที่อ่อนโยน และยังเลือกใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่น เช่น น้ำผึ้งจากโครงการหลวงและน้ำผึ้งเดือนห้า ส่วนเบสของสครับไม่ว่าจะเป็นงาดำ ชาเขียว หรือตะไคร้ ก็ล้วนมาจากวัตถุดิบไทยทั้งสิ้น รวมถึงเกลือธรรมชาติที่ใช้ ยกเว้นบางสูตรที่เลือกใช้เกลือหิมาลายันเป็นพิเศษ
“การตัดสินใจเข้าร่วมประกวดโครงการ TTA ในปีนี้ เพราะเห็นว่าเป็นโครงการที่มุ่งผลักดันสปาไทยสู่ระดับสากล ซึ่งดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องหลายปีแล้ว และสิ่งที่เราทำอยู่ก็สอดคล้องกับแนวทางของโครงการ ไม่ว่าจะเป็นการยกระดับสปาไทย การพัฒนาบุคลากร รวมถึงการใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อม ดังนั้นตั้งแต่วันแรกที่เปิดกิจการ เราตั้งใจอยากให้ที่นี่เป็นเหมือน “ห้องรับแขกของประเทศไทย” สำหรับต้อนรับลูกค้าจากทั่วโลก เพราะเชื่อว่าอาชีพนวดในไทยควรได้รับการยกย่อง และมีมาตรฐานทัดเทียมในระดับสากล” กฤษณา กล่าว
ชารินท์ สิงห์สถิตย์ Director of Operations and Spa กล่าวถึงบริการบริการซิกเนเจอร์ของบาว่า คือ Heavenly Hot Stone การนวดหินร้อนที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร ด้วยการใช้หินจิวเวลรี่ที่มีพลังงานในตัว ผสานกับอโรมาออยล์สูตรเฉพาะ ซึ่งไม่เพียงแค่วางหินบนร่างกาย แต่ใช้เทคนิคการนวดร่วมกับสัมผัสจากมืออย่างเชี่ยวชาญ หินจะช่วยคลายกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะในจุดที่การนวดด้วยมือตามปกติอาจไม่เพียงพอ ทั้งนี้ต้องอาศัยความชำนาญของนักบำบัดในการประเมินอุณหภูมิร่างกายของลูกค้า เพราะแต่ละคนมีระดับการทนความร้อนแตกต่างกัน และครอบคลุมการนวดหลากหลายรูปแบบ เช่น นวดไทยแบบบาว่า นวดอโรม่า นวดเดรนเพื่อกระตุ้นระบบน้ำเหลือง รวมถึงแพ็กเกจสปาที่มีการขัดผิวและแช่น้ำนมอุ่น อย่างไรก็ตาม ลูกค้าที่มีโรคประจำตัวบางประเภท เช่น โรคหัวใจ หลอดเลือดอุดตัน ลมชัก หรือความดันโลหิตสูง อาจไม่สามารถรับบริการบางโปรแกรมได้ เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้เข้ารับบริการ