เทเลนอร์ฉลอง 25 ปีในไทย ควบรวม True-Dtac จับมือ CP
GH News October 02, 2025 02:05 PM

เทเลนอร์ส่งสัญญาณพร้อมลงทุนเชิงลึกทั้งโครงสร้างพื้นฐาน บุคลากร และกฎระเบียบที่สมดุล เพื่อเสริมแกร่งเศรษฐกิจดิจิทัลไทยในเวทีโลก ขณะเดียวกันยังตอกย้ำพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับซีพี กรุ๊ปและรัฐบาลไทย ท่ามกลางโจทย์ท้าทายการแข่งขันจากบิ๊ก เทคข้ามชาติ

เทเลนอร์ กรุ๊ป ผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหญ่จากนอร์เวย์และภูมิภาคนอร์ดิก ฉลองครบรอบ 25 ปีแห่งการดำเนินงานในประเทศไทย พร้อมประกาศความมุ่งมั่นที่จะยืนเคียงข้างการพัฒนาของไทยในยุคดิจิทัลต่อไป

โดยงานเฉลิมฉลองจัดขึ้น ณ กรุงเทพมหานคร นำโดย Jens Petter Olsen ประธานคณะกรรมการ เทเลนอร์ กรุ๊ป, Benedicte Schilbred Fasmer ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เทเลนอร์ กรุ๊ป และ Jon Omund Revhaug ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เทเลนอร์ เอเชีย ซึ่งเดินทางมาร่วมงานและเป็นเจ้าภาพ พร้อมแขกผู้มีเกียรติมากกว่า 100 คนที่เข้าร่วมเป็นสักขีพยานในหมุดหมายสำคัญครั้งนี้

การเดินทางของเทเลนอร์ในประเทศไทยเริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2543 จากการเข้าถือหุ้นในบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (TAC) และต่อมาได้ร่วมสร้างแบรนด์ดีแทคจนกลายเป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายสำคัญของประเทศ บทบาทตลอด 25 ปีที่ผ่านมาไม่เพียงสะท้อนถึงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการมีส่วนร่วมอย่างลึกซึ้งต่อการยกระดับคุณภาพชีวิตผู้คนผ่านการสื่อสารดิจิทัล ตั้งแต่การขยายเครือข่ายสู่ชนบท ปูทางให้คนไทยเข้าถึงโทรศัพท์มือถือในราคาที่จับต้องได้ ไปจนถึงการผลักดันเทคโนโลยีใหม่อย่าง 3G, 4G และ 5G ที่เปลี่ยนโฉมสังคมไทยให้เชื่อมต่อกับโลกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

Benedicte Schilbred Fasmer ซีอีโอเทเลนอร์ กรุ๊ป กล่าวในงานว่า “ตลอดระยะเวลา 25 ปีที่ผ่านมา เทเลนอร์ภูมิใจที่ได้ยืนเคียงข้างประเทศไทยบนเส้นทางดิจิทัล เชื่อมต่อผู้คนนับล้าน สนับสนุนการเติบโตของชุมชน และร่วมสร้างสังคมดิจิทัลที่เปิดกว้างและเท่าเทียมยิ่งขึ้น เราเริ่มต้นจากวิสัยทัศน์ที่เรียบง่ายแต่ชัดเจนคือการสร้างการเชื่อมต่อที่เข้าถึงได้ ตั้งแต่วันแรกที่จับมือกับดีแทค

จนถึงวันนี้ที่เราร่วมมือกับเครือเจริญโภคภัณฑ์ในทรู คอร์ปอเรชั่น เราได้เห็นแล้วว่าพลังของการเชื่อมต่อสามารถเปลี่ยนสังคมได้จริง และในขณะที่ประเทศไทยกำลังก้าวสู่ยุคใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วย AI และเทคโนโลยีขั้นสูง เทเลนอร์ยังคงยึดมั่นที่จะสนับสนุนเป้าหมายของประเทศด้วยความเชี่ยวชาญระดับโลก โครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และแนวทางการดำเนินธุรกิจที่มีความรับผิดชอบ”

Jon Omund Revhaug ซีอีโอเทเลนอร์ เอเชีย กล่าวเสริมว่า “เส้นทางของเทเลนอร์ในประเทศไทยคือเรื่องราวของนวัตกรรม ความร่วมมือ และเป้าหมายที่เดินไปด้วยกัน ด้วยความไว้วางใจจากพันธมิตรและลูกค้า เราสามารถสร้างรากฐานที่มั่นคงเพื่อการเติบโตดิจิทัล วันนี้ประเทศไทยนับเป็นตลาดสำคัญของเทเลนอร์ และทรู คอร์ปอเรชั่นก็เป็นสินทรัพย์ที่ทรงคุณค่าในพอร์ตโฟลิโอระดับโลกของเรา ศักยภาพของทรูทำให้เราสามารถตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของผู้บริโภคไทย และร่วมขับเคลื่อนประเทศไปสู่ยุคดิจิทัลบทต่อไป”

โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของไทย

ในการกล่าวสุนทรพจน์ เทเลนอร์ยังชี้ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลไทย โดยข้อมูลจาก GSMA ระบุว่าประเทศไทยเป็นหนึ่งใน 7 ประเทศในกลุ่ม AEK ที่มีการเปิดให้บริการ 5G แบบ Standalone เชิงพาณิชย์ ทำให้ประชาชนเข้าถึงอินเทอร์เน็ตบนมือถือได้อย่างกว้างขวาง ปัจจุบันมีอัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือสูงถึง 95.5% ของประชากร 71 ล้านคน และมากกว่า 89.5% เชื่อมต่อออนไลน์แล้ว

ความแพร่หลายนี้ทำให้ไทยเป็นตลาดที่อุดมด้วยโอกาสสำหรับธุรกิจดิจิทัล ขณะที่คณะกรรมการปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติยังตั้งเป้าจะพัฒนา AI Professionals 90,000 คน และ AI Developers อีก 50,000 คนภายใน 2 ปี ซึ่งเทเลนอร์มองว่าการผสานระหว่างโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งกับบุคลากรดิจิทัลที่มีทักษะ จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยในระดับภูมิภาค

เทเลนอร์ในไทยและการควบรวม

บทบาทของเทเลนอร์ในประเทศไทยสามารถแบ่งได้เป็น 3 ช่วงหลัก ช่วงแรกคือการเข้ามาในตลาดใหม่เมื่อ 25 ปีก่อน มุ่งเชื่อมต่อประชาชนทั่วไปด้วยบริการที่เข้าถึงได้ จากนั้นเมื่ออุตสาหกรรมเติบโตขึ้นก็เข้าสู่ช่วงที่สอง คือการขับเคลื่อนการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรง ก่อนจะเข้าสู่ช่วงที่สามคือการลงทุนเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่รองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น AI และ IoT และในที่สุดก็เกิดการควบรวมทรูและดีแทคในปี 2566 จนกลายเป็นทรู คอร์ปอเรชั่น ที่ร่วมกันสร้าง “Telecom-Tech Champion” ของไทย โดยมีเทเลนอร์และซีพี กรุ๊ปถือหุ้นร่วมกันในสัดส่วนเท่าๆ กัน

หลังการควบรวม ทรู คอร์ปอเรชั่น สามารถพลิกผลประกอบการสู่กำไรต่อเนื่อง โดยมีมูลค่าหุ้นของเทเลนอร์เพิ่มขึ้นราว 45,000 ล้านบาทภายในเวลาเพียง 5 เดือน และยังคว้ารางวัล “ดีลแห่งปี” จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2567 จากผลกระทบเชิงบวกต่อระบบตลาดทุนไทย การถือครองคลื่นความถี่ที่ครอบคลุมและใหญ่ที่สุดในประเทศทำให้ทรู คอร์ปอเรชั่นพร้อมให้บริการเครือข่ายที่มีคุณภาพทั้งในเขตเมือง ชนบท และรองรับบริการ 5G ความเร็วสูงได้อย่างครอบคลุม

Active Owner ถ่ายทอดองค์ความรู้จากนอร์ดิก

เทเลนอร์ยังย้ำบทบาทของตนในฐานะ “Active Owner” ที่ไม่เพียงลงทุน แต่ยังนำความรู้และประสบการณ์จากตลาดนอร์ดิกมาช่วยยกระดับองค์กรไทย เช่น โครงการ AI Factory ในประเทศนอร์เวย์ที่ร่วมมือกับ Nvidia เพื่อพัฒนาบริการคลาวด์ AI ที่ปลอดภัยและยั่งยืน หรือการจัดตั้ง Brain Trust ที่นักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีร่วมกันวิจัยตั้งแต่ AI, 6G ไปจนถึง Cybersecurity ประสบการณ์เหล่านี้ถูกถ่ายทอดสู่ทรู คอร์ปอเรชั่น ผ่านการแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญและการประชุมเชิงลึกระหว่างประเทศ

นอกจากนี้ ยังชี้ให้เห็นความสำคัญของการทำงานร่วมกับรัฐบาลและหน่วยงานกำกับดูแล โดยยกตัวอย่างยุโรปซึ่งการกำหนดกฎระเบียบที่เข้มงวดอาจขัดขวางไม่ให้ผู้ประกอบการเติบโตในระดับที่สามารถแข่งขันระดับโลกได้ ดังนั้นประเทศไทยควรรักษาสมดุลระหว่างการกำกับดูแลและการเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเติบโต เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ความท้าทายส่วนแบ่งการตลาด

ในมิติความท้าทาย ผู้บริหารเทเลนอร์ยอมรับว่าการบริหารต้นทุน การแข่งขันกับผู้เล่นใหม่อย่างบริษัทเทคโนโลยีข้ามชาติ และการปรับตัวสู่บริการดิจิทัลขั้นสูงเป็นโจทย์ใหญ่ แต่การสร้างจุดเด่นจะอยู่ที่การพัฒนาบริการบนเครือข่าย เช่น การให้บริการด้านความปลอดภัยไซเบอร์ บริการสุขภาพดิจิทัล และโซลูชันเฉพาะสำหรับสถาบันต่างๆ ซึ่งจะสร้างความแตกต่างจากบริการพื้นฐานของผู้ให้บริการเครือข่ายทั่วไป

อีกมิติหนึ่งที่เทเลนอร์ให้ความสำคัญคือการดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบ โดยทรู คอร์ปอเรชั่นเป็นองค์กรแรกในไทยที่นำกรอบการประเมิน Responsible AI Maturity Framework ของ GSMA มาใช้ เพื่อให้มั่นใจว่าการพัฒนา AI จะเป็นไปอย่างมีจริยธรรมและคำนึงถึงผลกระทบต่อสังคม พร้อมทั้งตั้งเป้าลดการปล่อยคาร์บอนให้สอดคล้องกับเป้าหมายปี 2030 ที่ได้รับการรับรองจาก Science Based Targets Initiative (SBTi)

จากข้อมูลรายงาน Digital Lives Decoded 2025 ของเทเลนอร์ เอเชีย พบว่ามากถึง 9 ใน 10 ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตบนมือถือในไทยมีการใช้ AI เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ขณะที่การขยายตัวของ 5G และการปรับตัวของภาคธุรกิจสู่ดิจิทัลกำลังสะท้อนศักยภาพมหาศาลของไทยในการก้าวสู่ประเทศดิจิทัลเต็มรูปแบบ เทเลนอร์มองว่าสิ่งนี้คือโอกาสสำคัญที่จะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและเพิ่มขีดความสามารถทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว

ปีนี้ยังถือเป็นวาระครบรอบ 120 ปีแห่งความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและนอร์เวย์ เทเลนอร์จึงมองว่าความร่วมมืออย่างต่อเนื่องกับประเทศไทยไม่เพียงเป็นการลงทุนทางธุรกิจ แต่ยังสะท้อนถึงการสร้างสะพานเชื่อมด้านนวัตกรรม วัฒนธรรม และโอกาสใหม่ๆ ให้กับสังคมไทยและภูมิภาคอาเซียน

หากย้อนมองเส้นทาง 25 ปีของเทเลนอร์ในไทย จะเห็นได้ว่าบริษัทมีส่วนร่วมในทุกช่วงของการเปลี่ยนผ่าน ตั้งแต่การเปิดตัวบริการเติมเงิน Happy ในปี 2546 ที่ช่วยให้ผู้มีรายได้น้อยเข้าถึงการสื่อสาร ไปจนถึงการก่อตั้ง dtac accelerate ในปี 2556 เพื่อบ่มเพาะสตาร์ทอัพและสร้างระบบนิเวศดิจิทัล การเปิดบริการ 4G และ 5G ที่วางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ ตลอดจนการควบรวมกิจการทรู–ดีแทคที่สร้างบริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เหตุการณ์แต่ละช่วงกลายเป็นหมุดหมายที่สะท้อนความตั้งใจของเทเลนอร์ที่จะไม่เพียงเข้ามาลงทุน แต่ยังพัฒนาและยกระดับศักยภาพของประเทศเจ้าบ้าน

ในวันนี้ เมื่อประเทศไทยก้าวเข้าสู่บทใหม่ของยุคดิจิทัลที่มี AI, IoT, Cloud และ 5G เป็นหัวใจ เทเลนอร์ยืนยันว่าจะยังคงยืนเคียงข้างประเทศไทยในฐานะพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ พร้อมใช้ประสบการณ์จากประเทศนอร์ดิกที่เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีขั้นสูง ถ่ายทอดสู่การพัฒนาของไทย ไม่ว่าจะเป็นการเสริมสร้างความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ การสร้างบุคลากร AI การใช้เทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม และการขับเคลื่อนสังคมอย่างมีความรับผิดชอบ

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.