สุชาติ มอบนโยบาย กระทรวง ทส. ครบรอบ 23 ปี มุ่งเป้าพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ-สิ่งแวดล้อม วัดผลได้ใน 4 เดือน เพื่อคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนของประชาชน
เมื่อวันที่ 3 ต.ค.2568 ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วย น.ส.ชญานันท์ ภักดีจิตต์ ปลัดกระทรวงทส. นำคณะผู้บริหาร ข้าราชการ พนักงาน และเจ้าหน้าที่ ร่วมสักการะพระพุทธสยัมภู พระพุทธรูปประจำกระทรวง และศาลพระภูมิเจ้าที่ เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงทรัพยากรฯ ครบรอบ 23 ปี
พร้อมจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ เพื่อความเป็นสิริมงคลในการปฏิบัติหน้าที่ และเสริมพลังใจให้แก่บุคลากรในสังกัดกระทรวง ในการปกป้อง ดูแล และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศ
จากนั้น นายสุชาติ ได้มอบนโยบายการขับเคลื่อนงานของกระทรวง โดยเน้นย้ำการทำงานใน 5 ด้านสำคัญ เพื่อขับเคลื่อนงานให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายใน 4 เดือน ได้แก่
1.การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติเพื่อประชาชน โดยให้ความสำคัญกับงานตามพระราชดำริ รวมถึงการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งอย่างมีส่วนร่วม เร่งรัดกฎหมายสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม และการผลักดันการพัฒนาแหล่งน้ำทั้งผิวดินและใต้ดินเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งให้กับประชาชน
2.การส่งเสริมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวง ให้เป็นแหล่งรายได้และสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน การอนุรักษ์และฟื้นฟูพื้นที่ป่า การส่งเสริมให้คนอยู่กับป่าได้อย่างยั่งยืน และเพิ่มความเข้มงวดในการป้องกันและปราบปรามการบุกรุกทำลายป่าอย่างจริงจัง ควบคู่กับการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับประชาชนที่ได้รับสิทธิให้อยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่ป่า
3.การป้องกันและแก้ไขปัญหาพิบัติภัยทางธรรมชาติ ด้วยการยกระดับศูนย์เตือนภัยของกระทรวงฯ ทั้งการเฝ้าระวังด้านน้ำและด้านธรณีพิบัติภัย รวมถึงการพัฒนาเครือข่ายเตือนภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างมีส่วนร่วมกับชุมชน
4.การจัดการสิ่งแวดล้อมโดยการมีส่วนร่วม โดยเฉพาะการเร่งเตรียมความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 และบูรณาการความร่วมมือการป้องกันแก้ไขปัญหาร่วมกับกระทรวงมหาดไทยอย่างเป็นเอกภาพ
การเร่งแก้ไขปัญหา และผลักดันสังคมคาร์บอนต่ำ แก้ไขปัญหา PM 2.5 หมอกควัน ไฟป่า และมลพิษข้ามแดนมลพิษข้ามแดน เช่น ปัญหาหมอกควัน และปัญหาสิ่งปนเปื้อนในลำน้ำ รวมถึงการส่งเสริมให้กลไก EIA และ EHIA เป็นเครื่องมือหลักในการป้องกันและควบคุมผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน
5.การเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการประชาชน ด้วยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและ AI เพื่อการให้บริการประชาชนที่ครอบคลุม ให้บริการได้ทุกพื้นที่ ทุกรูปแบบ เกิดความโปร่งใส รวดเร็ว และตรวจสอบได้
นายสุชาติ ยังเน้นย้ำถึงการให้ความสำคัญกับการดูแลขวัญและกำลังใจของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในแต่ละหน่วยงาน โดยขอให้ผู้บริหารทุกหน่วยงานให้ความสำคัญ รวมถึงการทำงานต่าง ๆ ต้องมีแผนงานที่ชัดเจน เพื่อให้การดำเนินงานทั้งหมด สามารถวัดผลได้ภายในระยะเวลา 4 เดือนของรัฐบาล และประชาชนสัมผัสได้ถึงผลการปฏิบัติงานอย่างเป็นรูปธรรม ให้กระทรวงเป็นที่พึ่งของประชาชนได้อย่างแท้จริง และก้าวไปข้างหน้าด้วยความโปร่งใสและมั่นคง