สว.สำรอง แจ้งความ สน.ทุ่งสองห้อง ดำเนินคดี กกต.-เลขาฯ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ผิดม.157 สอบคดีฮั้วเลือก สว.ล่าช้า ปล่อยให้เกิดทุจริต
วันที่ 3 ต.ค.2568 ที่สน.ทุ่งสองห้อง นายอัครวัฒน์ พงศ์ธนาชลิตกุล สว.สำรอง พร้อมทีมทนายความ เดินทางมายื่นร้องทุกข์กล่าวโทษ คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ทั้งคณะ รวมถึงนายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ว่าร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จนทำให้กระบวนการเลือกตั้งสว.ที่ผ่านมา เสียหายอย่างร้ายแรง ต่อพนักงานสอบสวน
ขอให้ดำเนินคดีอาญากับ กกต. และ นายแสวง บุญมี ในข้อหาอาจมีส่วนรู้เห็นหรือปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตในการเลือกตั้ง สว. รอบที่ผ่านมา โดยขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับ กกต.และ เลขาธิการ กกต.ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ พ.ร.ป.ว่าด้วย ป.ป.ช. มาตรา 172 รวมถึงกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยทั้งหมดถูกกล่าวหาว่าอาจมีส่วนรู้เห็นหรือปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตในการเลือกตั้ง สว. รอบที่ผ่านมา
นายอัครวัฒน์ กล่าวว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่ใช่การเล่นการเมือง แต่เป็นการปกป้องหลักการประชาธิปไตย และในฐานะผู้มีส่วนได้เสียในกระบวนการเลือกสว. มีสิทธิ์ติดตามและเรียกร้องให้ความจริงถูกเปิดเผย คดีที่มีหลักฐานปรากฏตั้งแต่แรกกลับถูกปล่อยให้ยืดเยื้อนานนับเดือน โดย กกต. ไม่ได้เร่งตรวจสอบหรือชี้แจงข้อมูลต่อประชาชน ทั้งที่มีสำนวนการสืบสวนเบื้องต้นอยู่ในมือแล้ว
นอกจากนี้ยังกังวลต่อการแต่งตั้งบุคคลในกระทรวงยุติธรรม อาจส่งผลกระทบต่อความเป็นอิสระของกระบวนการยุติธรรม โดยเกรงว่าการเปลี่ยนตัวบุคคลในบางตำแหน่งอาจกลายเป็นการแทรกแซงทางอ้อม
“ตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค. 2567 ซึ่งเป็นวันที่มีประกาศรับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการจนถึงปัจจุบัน เวลาปีกว่าที่ล่วงไป แต่ กกต.ยังไม่สามารถชี้แจงหรือแก้ไขข้อสงสัยได้ ทั้งที่มีกระแสสังคมและหลักฐานจำนวนมากบ่งชี้ถึงการทุจริต ที่ผ่านมาเราทวงถาม กกต.มาตลอด แต่ไม่เคยได้รับคำตอบที่ชัดเจน” นายอัครวัฒน์ กล่าว
ประชาชนจึงยังไม่ได้รับความเป็นธรรม คดีต่างๆ ถูกปล่อยให้ยืดเยื้อ ทั้งที่ความจริงหลายเรื่องปรากฏชัดแล้ว สิ่งเหล่านี้ไม่ควรเกิดขึ้นในระบบประชาธิปไตย ทุกคนคาดหวังว่าการเลือกตั้ง สว. จะต้องสุจริต เที่ยงธรรม และเป็นไปตามระเบียบของ กกต. แต่สิ่งที่ปรากฏกลับตรงกันข้าม
นายอัครวัฒน์ กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้สังคมจับตาและให้กำลังใจผู้ที่ต่อสู้ทางกฎหมาย เพื่อเปิดเผยความจริง พร้อมทั้งผลักดันให้ผู้ที่มีพฤติการณ์ผิดกฎหมายต้องรับผิดชอบ พร้อมขอให้ กกต.เปิดเผยสำนวนและหลักฐานต่อสาธารณะ หากไม่มีเหตุผลสมควรในการปกปิด และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมสอบสวนคดีพิเศษ เข้ามาสืบสวนโดยไม่ถูกแทรกแซง ขอให้ประชาชนติดตามและร่วมกันผลักดันความโปร่งใสในกระบวนการยุติธรรม