รายงานพิเศษ - จุดบอดพลังงานสะอาดไทย ความเสี่ยงลงทุนในยุคเศรษฐกิจสีเขียว
ข่าวสด October 03, 2025 10:24 PM

บวันปัญหาราคาพลังงาน ปัญหาสิ่งแวดล้อม และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น

แผนพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก (AEDP) ปี 2561-2580 ว่าด้วยการใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ ลม ชีวมวลน้ำ และไฮโดรเจน เป็นต้น เป็นหัวใจสำคัญในการลดก๊าซเรือนกระจก

พลังงานแสงอาทิตย์

บรรดานานาประเทศ จึงนำเรื่องนี้มาเป็นเงื่อนไขทางการค้า หากประเทศไหนไม่ปฏิบัติ ก็จะไม่ได้รับการยอมรับ โดยเฉพาะการค้าการลงทุนกับประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ อย่างสหราชอาณาจักร และจีน ที่มีบริษัทชั้นนำยักษ์ใหญ่มากมาย รวมถึงสหภาพยุโรปที่มีมาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน (Carbon Border Adjustment Mechanism:CBAM) มีผลบังคับใช้วันที่ 1 ม.ค.2569 นี้

พลังงานลม

แผน AEDP นับเป็นหนึ่งในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (Power Development Plan:PDP) ปี 2567-2580 มีเป้าหมายทดแทนการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลให้ได้ 30% ภายในปี 2579 เพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานพลังงานหมุนเวียน 51% ของกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม หรือ 34,851 เมกะวัตต์ ในปี 2580

ล่าสุดว่ากันถึงการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานพลังงานหมุนเวียนที่ 68% ภายในปี 2583 ลดการพึ่งพาก๊าซธรรมชาติ บรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593 และสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero) ภายในปี 2608 ตามพันธสัญญาที่ไทยให้ไว้ ต่อประชาคมโลก

ด้วยจุดแข็งด้านนโยบายพลังงานของไทย ที่เน้นส่งเสริมพลังงานสะอาด เป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ผลักดันไทยสู่ศูนย์กลางดิจิทัล (Digital Hub) ของอาเซียน ส่งเสริมการลงทุนโครงการ Data Center และ Cloud Service ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

สิทธิประโยชน์ดึงดูดการลงทุน

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยข้อมูลการขอรับการส่งเสริม การลงทุนในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ (ม.ค.-มิ.ย.2568) มีจำนวน 1,880 โครงการ เพิ่มขึ้นอย่างมากจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 38% มูลค่าเงินลงทุนรวม 1,058,225 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 138% โดยในจำนวนนี้ มีการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน 42,238 ล้านบาท จำนวน 191 โครงการ

นฤตม์ เทอดสถิรศักดิ์

นับตั้งแต่ปี 2558-มี.ค.2568 สถิติการยื่นขอรับการส่งเสริมในกิจการพลังงานสะอาดรวมกว่า 2,900 โครงการ มูลค่ากว่า 560,000 ล้านบาท เป็นกิจการผลิตพลังงานไฟฟ้าหรือพลังงานไฟฟ้าและไอนํ้าจากขยะ หรือเชื้อเพลิงจากขยะกว่า 80 โครงการ มูลค่าลงทุนกว่า 110,000 ล้านบาท

กิจการผลิตพลังงานไฟฟ้า หรือพลังงานไฟฟ้าและไอนํ้าจากพลังงานหมุนเวียน เช่น แสงอาทิตย์ ลม ชีวมวล ก๊าซชีวภาพ กว่า 2,800 โครงการ มูลค่าลงทุนกว่า 320,000 ล้านบาท กิจการผลิตพลังงานไฟฟ้า หรือพลังงานไฟฟ้าและไอนํ้าจากพลังงาน อื่นๆ กว่า 30 โครงการ มูลค่าลงทุนกว่า 120,000 ล้านบาท

สะท้อนถึงความโดดเด่นและความเชื่อมั่นและบทบาทของไทยในการเป็นศูนย์กลางการลงทุนที่สำคัญในภูมิภาค ตัวอย่างเช่น โครงการลงทุน Data Center ขนาดใหญ่ โครงการขยายการลงทุนของค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นเพื่อผลิตรถยนต์ไฟฟ้า และรถกระบะ

การผลิตชุดควบคุมกำลังไฟในรถยนต์ไฮบริด (Power Control Unit:PCU) การผลิตเซลล์แบตเตอรี่เพื่อใช้ในยานยนต์ไฟฟ้าและระบบกักเก็บพลังงาน การผลิตตัวเก็บประจุชนิดพิเศษที่ใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น Notebook, Smartphone และ AI Data Center การประกอบและทดสอบชิพ การผลิตแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCB)

แต่ปัจจุบัน ไทยมีสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดเพียง 10,010 เมกะวัตต์ คิดเป็น 26% ของกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม สร้างความกังวลต่อนักลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) อย่างมากว่า ไทยจะมีพลังงานสะอาดรองรับอุตสาหกรรมสีเขียวได้เพียงพอหรือไม่

ไฟฟ้าพลังงานสะอาดไม่เพียงพอ

นายบุตรา บุญเลี้ยง Head of ESG Strategy and Integration บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) ระบุว่า อุตสาหกรรมเคมิคอลส์มีขนาดใหญ่ มีการแข่งขันสูง ขณะที่มาตรการ CBAM เตรียมบังคับใช้ ถ้าบริษัทไม่มีไฟฟ้าสะอาด ผู้ประกอบการจะส่งออกสินค้าไม่ได้ แข่งขันไม่ได้ ทำธุรกิจลำบาก เป็นความเสี่ยงที่ไทยจะเสียโอกาสให้กับประเทศที่พร้อมจะดึงนักลงทุนได้ทุกเมื่อ

บุตรา บุญเลี้ยง

“สุดท้ายต่างชาติจะไปเวียดนามกันหมด เพราะรัฐบาลสนับสนุนการทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Power Purchase Agreement:PPA) เป็นข้อตกลงระยะยาว ระหว่างผู้ผลิตพลังงานหมุนเวียนกับผู้ซื้อไฟฟ้าสะอาด 100% แต่ไทยยังไม่เริ่มทำอะไรสักอย่าง ทำให้ไทยจะเสียโอกาสมาก ดังนั้น รัฐควรมีความชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายไฟฟ้าสีเขียวป้อนอุตสาหกรรม”

ด้าน นายดิษฐา นนทิวรวงษ์ Head of Sustainable Project Development และ Head of S&A Engineering-Special Project บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) มีบริษัทในเครือที่ตั้งในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) 5 แห่ง กล่าวว่า บริษัทมีความจำเป็น ที่ต้องใช้ไฟฟ้าสีเขียว แต่ขณะนี้กฎหมายการเปิดให้บุคคลที่สามสามารถเข้ามาใช้หรือเชื่อมต่อระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติและสถานีแอลเอ็นจีได้ (Third Party Access:TPA) ยังไม่เปิด

ดิษฐา นนทิวรวงษ์

“แผน PDP ของไทยชะงักไป ขณะที่ พ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (พ.ร.บ.Climate Change) คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ปี 2569 ถือว่าไม่สอดคล้องกับนโยบายของไทยที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ถ้าปลดล็อกกฎหมายให้ผู้ผลิตไฟฟ้าสามารถใช้ประโยชน์จากระบบส่งไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์ได้ จะปลดล็อกทุกอย่างเช่นกัน”

น.ส.อารีพร อัศวินพงศ์พันธ์ นักวิชาการ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) พบข้อมูลว่า นักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่ม Data Center มีความสนใจเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น ทำให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าสะอาดเพิ่มขึ้น 9 เท่า โดยคาดการณ์ว่าในปี 2579 หรืออีก 11 ปีข้างหน้า จะมีความต้องการไฟฟ้ามากกว่า 5,400 เมกะวัตต์ โดยเฉพาะไฟฟ้าสีเขียว

อารีพร อัศวินพงศ์พันธ์

เทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน ไทยถือว่าล่าช้ากว่าอย่างมี นัยสำคัญ เห็นได้จากเวียดนามตั้งเป้าสัดส่วนพลังงานสะอาด 51% ในปี 2573 เร็วกว่าของไทยที่กำหนดไว้ปี 2580 ขณะที่สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม และลาว ต่างประกาศเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net – Zero) ในปี 2593 แต่ไทยยังคงตั้งเป้าที่ปี 2608

อุปสรรคปัญหา

เสียงสะท้อนจากผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมไทยโดยเฉพาะในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)ดังชัดเจนว่าผู้ประกอบการยังไม่สามารถเข้าถึงไฟฟ้าพลังงานสะอาดได้อย่างเพียงพอ

เนื่องจากความไม่แน่นอนของกฎหมายของภาครัฐ เรื่องการเปิดให้บุคคลที่สามสามารถเข้ามาใช้หรือเชื่อมต่อระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติและสถานีแอลเอ็นจีได้ รวมถึงการออกแบบกลไกการกำหนดอัตราค่าไฟฟ้าสีเขียว ที่มีแหล่งที่มาจากโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนใหม่ทั้งของรัฐ และเอกชน (Utility Green Tariff:UGT) ที่แข่งขันได้ และระบบรับซื้อไฟฟ้า (Feed-in Tariffs)

สายส่งไฟฟ้า

เหล่านี้ล้วนทำให้เกิดความไม่ชัดเจนด้านโยบายด้านพลังงาน ที่ขาดเสถียรภาพในระยะยาว ทำให้โครงการชะงัก ทั้งยังมีความซับซ้อนของกระบวนการขออนุญาตใช้เวลาค่อนข้างนาน ปัญหาการเชื่อมต่อโครงข่ายไฟฟ้ามีค่าใช้จ่ายสูง ประเทศไทยคงไม่สามารถหลีกเลี่ยงกฎกติการค้าการลงทุนสากล ที่ต้องเปลี่ยนผ่านสู่ยุคอุตสาหกรรมสีเขียวเป็นวาระโลก เป็นปัจจัยขับเคลื่อนการลงทุนพลังงานสะอาดในอนาคต

แต่ความไม่ชัดเจนของนโยบายด้านพลังงานของไทย และความแตกต่างของเป้าหมายพลังงานสะอาด อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ต้องการซัพพลายเชนสีเขียว และกลุ่มที่ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดด้าน สิ่งแวดล้อมของตลาดโลก ซึ่งอาจทำให้ไทยพลาดโอกาสในการดึงดูดการลงทุนและพัฒนาศักยภาพทางเศรษฐกิจในยุคโลก สีเขียวในที่สุด

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.