ในการประชุมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ หมวด 15/1 ที่ผ่านมา
นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้นเป็นอำนาจของรัฐสภา รัฐบาลจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวไม่ได้
แต่ตอนทำประชามตินั้น กฎหมายกำหนดไว้ชัดเจนว่า ให้ประธานรัฐสภาส่งร่างรัฐธรรมนูญแจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบ เพื่อที่จะได้หารือกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง กำหนดวันทำประชามติ และกำหนดคำถามในการทำประชามติ
สำหรับกรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ แถลงในสภาเรื่องเอ็มโอเอที่ทำกับพรรคประชาชน โดยจะยุบสภาภายใน 4 เดือนนั้นจะครบ 4 เดือนในวันที่ 31 ม.ค.69 และการเลือกตั้งที่เกิดจากการยุบสภาจัดขึ้นได้จึงไม่ก่อน 45 วัน ไม่หลัง 60 วัน
เมื่อวิเคราะห์แล้ววันที่เหมาะสมคือวันอาทิตย์ที่ 29 มี.ค.2569 เป็นไปตามไทม์ไลน์ของรัฐธรรมนูญและเอ็มโอเอ แต่ก็จะมีเรื่องการทำประชามติเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
ถ้ารัฐบาลอยากจะประหยัดงบประมาณ เพราะทุกครั้งที่จัดทำประชามติแยกจะใช้งบประมาณถึง 6,000 ล้านบาท ดังนั้นก็น่าจะจัดทำประชามติในวันเลือกตั้งไปเลยนั่นคือวันที่ 29 มี.ค.69 พอนับย้อนถอยหลังมา 90 วันคือวันที่ 30 ธ.ค.68 เป็นวันที่นายกฯ และกกต. ประกาศให้ทำประชามติได้
นับย้อนหลังกลับไปอีกว่ารัฐสภาจะลงมติในวาระที่ 3 ให้ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม หมวด 15/1 จึงไม่ควรเกินวันที่ 15-20 ธ.ค.68 ซึ่งก็จะทิ้งไว้ 10 วัน เพื่อให้เวลาสภาและนายกฯ พิจารณา
อีกกรณีคือถ้ามีการประกาศใช้พ.ร.บ.ออกเสียงประชามติ ฉบับที่ 2 ซึ่งสภาผ่านร่างไปแล้ว กรณีนี้ก็จะทำให้มีเวลามากขึ้น แต่การจัดการเลือกตั้งทั่วไปและทำประชามติก็จะมีขึ้นในวันเดิม ตามร่างพ.ร.บ.ออกเสียงประชามติ ก็จะลดเวลาจาก 90 วันเหลือ 60 วัน
สิ่งที่สำคัญอย่างมากคือรัฐสภาจักต้องผ่านวาระ 3 ร่างแก้ไขเพิ่มรัฐธรรมนูญให้ได้ตามไทม์ไลน์ เพื่อจะจัดทำประชามติพร้อมๆ กับการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 29 มีนาคม 2569
เภรี กุลาธรรม