กรมพัฒนาธุรกิจการค้า 3 ไตรมาสปี 2568 ต่างชาติลงทุนในไทยสูงถึง 2.53 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 3 ปีที่ผ่านมา สิงคโปร์ขึ้นแท่นลงทุนอันดับหนึ่ง 86,550 ล้านบาท ตามด้วย ญี่ปุ่น 76,397 ล้านบาท และจีน 21,925 ล้านบาท
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 เปิดเผยว่า 9 เดือน ปี 2568 (มกราคม-กันยายน) มีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 จำนวน 770 ราย โดยเป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 201 ราย
และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (ผ่านช่องทางการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และการใช้สิทธิตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศ) 569 ราย มูลค่าเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 253,116 ล้านบาท โดยจำนวนชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุน 5 อันดับแรก ได้แก่
1. ญี่ปุ่น 142 ราย คิดเป็น 18% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย ลงทุน 76,397 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ
2. สหรัฐอเมริกา 116 ราย คิดเป็น 15% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย ลงทุน 4,368 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ
3. สิงคโปร์ 108 ราย คิดเป็น 14% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย ลงทุน 86,550 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ
4. จีน 99 ราย คิดเป็น 13% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย ลงทุน 21,925 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ
5. ฮ่องกง 82 ราย คิดเป็น 11% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย ลงทุน 12,624 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ
เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 พบว่า การอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย เพิ่มขึ้น 134 ราย (21%) (เดือน ม.ค.-ก.ย. 68 อนุญาต 770 ราย/เดือน ม.ค.-ก.ย.67 อนุญาต 636 ราย) และมีมูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้น 118,311 ล้านบาท (88%) (เดือน ม.ค.-ก.ย. 68 ลงทุน 253,116 ล้านบาท/เดือน ม.ค.-ก.ย. 67 ลงทุน 134,805 ล้านบาท)
รวมถึงมีการจ้างงานคนไทยจากนักลงทุนที่ขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวเพิ่มขึ้น 2,631 คน (105%) (เดือน ม.ค.-ก.ย. 68 จ้างงาน 5,132 คน/เดือน ม.ค.-ก.ย. 67 จ้างงาน 2,501 คน) โดยจำนวนนักลงทุนที่เข้ามาสูงสุดยังคงเป็นนักลงทุนญี่ปุ่นเช่นเดียวกับปีก่อน
นอกจากนี้ยังพบว่า การลงทุนของต่างชาติที่เข้ามาส่วนใหญ่มาจากการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน (BOI) สูงถึง 377 ราย คิดเป็น 49% ของจำนวนการอนุญาตทั้งหมด 770 ราย มูลค่าลงทุน 199,699 ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติของรัฐบาล ที่มุ่งเน้นอุตสาหกรรมอนาคต (Future Industries) เช่น เทคโนโลยีขั้นสูง ดิจิทัล AI ยานยนต์ไฟฟ้า พลังงานสะอาด และเกษตรอาหาร โดยประเภทธุรกิจที่ได้รับอนุญาตผ่านช่องทาง BOI สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่
1.ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น ผลิตภัณฑ์โลหะ/พลาสติก ชิ้นส่วนยานยนต์ เป็นต้น ซึ่งสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และการผลิตที่มีมูลค่าเพิ่มสูง
2.กิจการสนับสนุนการค้าและการลงทุน (TISO) ที่มีส่วนสำคัญในการเพิ่มบทบาทของไทยในฐานะศูนย์กลางการลงทุนและโลจิสติกส์ในภูมิภาค
3.ธุรกิจบริการด้านคอมพิวเตอร์ เช่น พัฒนาซอฟต์แวร์ และ Data Center เป็นต้น โดยตรงกับเป้าหมายเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) และการพัฒนา Data Center และ AI Services
นายพูนพงษ์กล่าวเติมว่า สำหรับการลงทุนในจังหวัดพื้นที่ EEC ของนักลงทุนต่างชาติ ช่วงสามไตรมาสปี 2568 (มกราคม-กันยายน) มีนักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนในพื้นที่ EEC 222 ราย คิดเป็น 29% ของจำนวนนักลงทุนต่างชาติในไทย เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 จำนวน 15 ราย (7%) (เดือน ม.ค.-ก.ย. 68 ลงทุน 222 ราย/เดือน ม.ค.-ก.ย. 67 ลงทุน 207 ราย)
โดยมีมูลค่าการลงทุนในจังหวัดพื้นที่ EEC 82,264 ล้านบาท คิดเป็น 33% ของเงินลงทุนทั้งหมด โดยเป็นนักลงทุนจาก จีน 55 ราย ลงทุน 15,665 ล้านบาท ญี่ปุ่น 52 ราย ลงทุน 28,919 ล้านบาท สิงคโปร์ 26 ราย ลงทุน 15,853 ล้านบาท และประเทศอื่น ๆ 89 ราย ลงทุน 21,827 ล้านบาท โดยธุรกิจที่ลงทุน อาทิ
เฉพาะเดือนกันยายน 2568 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทย 83 ราย เป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 20 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (ผ่านช่องทางการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และการใช้สิทธิตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศ) 63 ราย เงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 27,580 ล้านบาท
ส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติจาก ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และจีน ตามลำดับ มีการจ้างงานคนไทย 237 คน รวมถึงมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านโดยตรงจากประเทศผู้เข้ามาลงทุนให้แก่คนไทย เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับควบคุมแรงดันหลุมขุดเจาะปิโตรเลียม องค์ความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชั่น องค์ความรู้เกี่ยวกับการวิเคราะห์ข้อบกพร่องของกระบวนการผลิต องค์ความรู้เกี่ยวกับระบบนั่งร้านแบบหล่อค้ำยันที่ใช้ในอาคารสูง เป็นต้น
สำหรับธุรกิจที่คนต่างด้าวได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจในเดือนกันยายน 2568 ได้แก่