ภัยเงียบในที่ทำงานจากผงหมึกโทนเนอร์ ฝุ่นจิ๋วร้ายเงียบในที่ทำงาน
ในยุคที่หลายคนอาจคิดว่าเครื่องถ่ายเอกสารหรือเครื่องพิมพ์ไม่สำคัญแล้ว เพราะงานส่วนใหญ่เก็บบนคอมพิวเตอร์หรือส่งต่อกันผ่านออนไลน์ แต่เชื่อหรือไม่ว่า “เครื่องพิมพ์” ยังคงเป็นเครื่องใช้จำเป็นในสำนักงาน โรงเรียน หรือแม้แต่มหาวิทยาลัย และเจ้าเครื่องที่ดูเหมือนจะธรรมดานี้เอง กำลังซ่อน “ภัยเงียบ” เอาไว้แบบที่ใครหลายคนไม่เคยรู้ตัว เพราะนอกเหนือจากเทคโนโลยีที่ต่างกัน มีให้เลือกทั้งแบบเลเซอร์และอิงค์เจ็ท อีกสิ่งที่ควรนำมาเป็นหนึ่งในปัจจัยในการเลือกซื้อ ก็ต้องดูในเรื่องของความปลอดภัยในการใช้งาน และสุขภาพของคนที่อยู่รอบข้างด้วย
ปีนี้ อาจารย์เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหา วิทยาลัย ถึงกับต้องออกมาเตือนเรื่องอันตรายจากสารเคมีในเครื่องถ่ายเอกสารและเครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์
ถึง 2 ครั้ง ผ่านเพจ “อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์” เป็นอีกหนึ่งสัญญาณเตือนที่ชัดเจนว่าเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ข้อสงสัยเล่นๆ แต่คือปัญหาใหญ่ที่คนทำงานในออฟฟิศต้องหันมาสนใจอย่างจริงจัง
เริ่มที่ผงหมึก หรือที่เราเรียกกันว่า โทนเนอร์ ถ้าสูดเข้าไปจะทำให้ระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจ ยังมีสารเคมีบางชนิดในนั้น อย่างไนโตรไพรีนและไตรไนโตรฟลูออรีนที่อาจก่อมะเร็ง และยังมีรายงานว่าทำให้เกิดความผิดปกติของทารกในครรภ์ ยังไม่หมด! สารพอลิเมอร์ พวกเรซินพลาสติกในผงหมึก สามารถทำให้ผิวหนังเกิดอาการแพ้ คันระคายเคือง ส่วนหมึกเหลวหรือ ลิควิด โทนเนอร์ ที่มีส่วนประกอบของสารปิโตรเลียมไฮโดรคาร์บอน ถ้าสัมผัสต่อเนื่องก็ทำร้ายผิว ตา และระบบประสาทได้ไม่แพ้กัน เรียกได้ว่า ไม่ว่าหายใจเข้าไปหรือสัมผัสบ่อยๆ ก็เสี่ยงทั้งนั้น
นอกจากผงหมึกแล้ว ยังมีแสงอัลตราไวโอเลต (UV) ที่แม้โอกาสสัมผัสโดยตรงจะน้อยมาก แต่อาการปวดศีรษะ แสบตา อาจเกิดขึ้นได้ หลังจากการมองแสงที่ทะลุผ่านกระจกกระจกที่วางเอกสารต้นฉบับของเครื่อง และหากสะสมไปเรื่อย ๆ ก็เสี่ยงถึงขั้นมะเร็งผิวหนัง นี่ยังไม่นับรวมเสียงดังรบกวนและความร้อนที่ทำให้บรรยากาศในออฟฟิศอึดอัดขึ้นไปอีก
งานวิจัยล่าสุดในปี 2021 ที่ค้นพบความเชื่อมโยงระหว่างการแพร่ระบาดของ “โรคโควิด-19” กับการใช้เครื่องพิมพ์เลเซอร์ ภายในอาคาร (เรื่อง “Electrostatic fine particles emitted from laser printers as potential vectors for airborne transmission of COVID-19” โดย Shanshan He และ Jie Han จากมหาวิทยาลัย Xi’an Jiaotong University ประเทศจีน) ระบุว่าอนุภาคเล็กจิ๋วจากเครื่องพิมพ์เลเซอร์ สามารถแขวนลอยอยู่ในอากาศเป็นเวลานานและมีประจุไฟฟ้าสถิตสูง ทำให้เชื้อโรคในอากาศอย่าง SARS-CoV-2 (โควิด-19) สามารถยึดเกาะบนพื้นผิวของพวกมันได้ และทำให้มันกลายเป็น “พาหะ” แพร่เชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ทางอากาศ ยิ่งเครื่องพิมพ์ถูกใช้งานในพื้นที่ปิด คนที่นั่งหายใจอยู่แถวนั้นก็มีโอกาสรับเชื้อได้โดยไม่รู้ตัว นี่คืออีกหนึ่งหลักฐานที่ตอกย้ำว่าภัยจากโทนเนอร์ไม่ใช่เรื่องเล็ก
ฟากกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ออกโรงเตือนหลายครั้ง ถึงภัยเงียบที่มองไม่เห็น จากการสูดดมผงหมึกและสารเคมีมากๆ จนอาจร้ายแรงจนถึงขั้นเป็นมะเร็งได้ พร้อมแนะว่าผู้ที่ใช้เครื่องถ่ายเอกสารแบบเลเซอร์ ควรป้องกันตนเอง เช่น สวมหน้ากาก เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายในอนาคต รวมถึงติดตั้งเครื่องถ่ายเอกสาร ก็ควรวางไว้ในที่โล่ง ห่างจากคนอื่นๆ ส่วนผงหมึกที่ใช้แล้วหรือหกตามพื้นในขณะเติม ก็นับว่าเป็นสารอันตราย ที่ควรจะนำไปเก็บกำจัดในภาชนะที่ปิดมิดชิดเท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้สารเคมีกระจายตัว
ท้ายที่สุด อันตรายบางอย่างเราอาจหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่สิ่งที่ทำได้ทันทีคือ ส่งข้อมูลนี้ไปไปให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการจัดหาอุปกรณ์มาใช้ ได้รับทราบ เพื่อตระหนักว่าการเลือกเครื่องพิมพ์ไม่ได้มีแค่เรื่องราคาและประสิทธิภาพ แต่ยังหมายถึงความปลอดภัยของทุกคนในองค์กร ก้าวเล็ก ๆ จากการส่งต่อ อาจเป็นการป้องกันความเสี่ยงใหญ่ที่จะตาม