เบน สมิธ ส่งทนายส่วนตัวยื่นฟ้องหมิ่นประมาท ส.ส.โรม กรณีอภิปรายว่ามีเอี่ยวแก๊งสแกมเมอร์ ยันเป็นการฟ้องเพื่อปกป้องสิทธิ ไม่ได้ต้องการปิดปากใคร
เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้รับมอบอำนาจจากนายเบน สมิธ (Benjamin Mauerberger) นักธุรกิจชาวต่างชาติ เดินทางมายื่นฟ้องคดีต่อนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา พร้อมฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่งเป็นจำนวนเงิน 100 ล้านบาท
นายธนดลกล่าวว่า วันนี้มายื่นฟ้องหมิ่นประมาทนายรังสิมันต์จากกรณีเมื่อวันที่ 30 กันยายน นายรังสิมันต์อภิปรายในสภากล่าวหานายเบนว่าเป็นแก๊งสแกมเมอร์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทำให้เกิดความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง ซึ่งศาลมีคำสั่งประทับรับฟ้องเรียบร้อย โดยจะนัดไต่สวนวันที่ 24 พฤศจิกายน
เมื่อถามว่า เรื่องนี้นายรังสิมันต์ตั้งข้อสังเกตว่าใช้ทนายทีมเดียวกับ ร.อ.ธรรมนัส จะเตรียมแก้ต่างยังไงบ้าง นายธนดลกล่าวว่า ทั้ง ร.อ.ธรรมนัสและนายเบนจามินรู้จักกันผ่านทางนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และเคยมีการลงทุนที่นครดูไบด้วย อีกทั้งตนยังได้รับมอบหมายให้ดูเรื่องข้อกฎหมายของนายเบนจามินเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจ
เมื่อถามว่า ไม่กลัวสังคมมองว่ามาใช้ทีมทนายความของ ร.อ.ธรรมนัส จะทำให้สังคมมองในส่วนนี้ นายธนดลกล่าวว่า กฎหมายไม่ได้ห้ามเรื่องการทำหน้าที่เป็นทนาย แต่เรื่องของความรู้สึกของพี่น้องประชาชนตรงนี้ตนไม่สามารถก้าวล่วงหรือห้ามความรู้สึกดังกล่าวได้ ยืนยันว่าทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายเท่านั้น
เมื่อถามว่า การฟ้องอาญา แต่สภามีเอกสิทธิ์คุ้มครองอยู่ มองเรื่องนี้อย่างไร นายธนดลกล่าวว่า ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 124 บอกไว้ว่า ถ้าเป็นการประชุมรัฐภาแบบปิด เป็นเอกสิทธิ์คุ้มครองทั้ง ส.ส.และ ส.ว. แต่ถ้าเกิดถ่ายทอดออกไปให้แก่บุคคลที่ 3 ไม่ได้คุ้มครองตรงนั้น
เมื่อถามว่า เรื่องเงิน 100 ล้านเกี่ยวกับค่าอะไรบ้าง นายธนดลกล่าวว่า นายเบนจามินทำธุรกิจทั้งในประเทศไทยและสิงคโปร์ค่อนข้างเยอะ และสิ่งที่นายรังสิมันต์อภิปรายไปทำให้เกิดความเสียหายจนถูกตรวจสอบอย่างละเอียดที่ประเทศสิงคโปร์ แต่ก็ยังไม่พบความผิดทั้งในประเทศไทยและที่สิงคโปร์
นายธนดลกล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ก่อนจะได้รับมอบอำนาจเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม มาเป็นทนายของนายเบนจามิน ตนได้ตรวจสอบแล้วว่าไม่เคยมีการต้องโทษในคดีต่างๆ และอยากเรียนให้ทราบว่านายเบนจามินถูก กลต.ดำเนินคดีเมื่อปี 2564 แต่ตนไปตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นคนละคนกัน เพียงแต่มีชื่อคล้ายกันเท่านั้น
เมื่อถามว่า ความสัมพันธ์ของนายเบนจามินกับสมเด็จฯฮุน เซน เป็นอย่างไรบ้าง นายธนดลกล่าวว่า นายเบนจามินกล่าวกับตนว่าเคยไปลงทุนที่กัมพูชาและชวนนักลงทุนไปลงทุนที่กัมพูชาจริง อีกทั้งเป็นที่ปรึกษาของรัฐบาลจริง แต่ไม่เคยเข้าร่วมประชุมและได้รับเงินเดือนจากรัฐบาลกัมพูชาเลย
เมื่อถามว่า ร.อ.ธรรมนัสมอบหมายให้เข้ามาเป็นทนายในคดีนี้โดยเฉพาะเลยไหม นายธนดลกล่าวว่า ได้รับมอบหมายจาก ร.อ.ธรรมนัสให้ดูแลเรื่องกฎหมายให้กับนายเบนจามินอยู่แล้ว ไม่ใช่เฉพาะแค่คดีนี้ ซึ่งตนก็ทำหน้าที่ตามวิชาชีพ ยอมรับว่าอาจจะโดนทัวร์ลงด้วย แต่ตามที่นายรังสิมันต์อภิปรายไปนั้น ถ้าเกิดนายเบนจามินเป็นสแกมเมอร์ หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์จริง สามารถไปแจ้งความได้ทันที และตนจะออกจากทีมกฎหมายของนายเบนจามินอย่างแน่นอน
นายธนดลกล่าวอีกว่า ขอตั้งคำถามไปถึงนายรังสิมันต์อีกว่า ถ้าความจริงไม่เป็นตามที่อภิปรายไปจะรับผิดชอบกับชื่อเสียงของนายเบนจามินอย่างไร ก่อนหน้านี้นายรังสิมันต์ก็เคยอภิปรายเรื่อง ส.ว.ทรงเอ ที่เกี่ยวกับนายอุปกิต ปาจรียางกูร มาแล้วจนโดนฟ้องหมิ่นประมาท ซึ่งศาลก็ยกฟ้อง รวมทั้งศาลก็ยกฟ้องนายอุปกิตด้วย ขอถามว่าใครจะออกมารับผิดชอบชื่อเสียงที่เสียไปของนายอุปกิต และจะให้ชื่อเสียงของนายเบนจามินเสียไปเพราะเรื่องนี้ด้วยหรือไม่
เมื่อถามว่า วันไต่สวนมูลฟ้อง นายเบนจามินจะเข้ามาไต่สวนหรือไม่ นายธนดลกล่าวว่า ขอปรึกษากับทีมทนาย แต่ในเบื้องต้นจะเป็นตนและพยานบุคคล 2 ราย
เมื่อถามว่า บุคคลอีกคนที่ชื่อคล้ายนายเบนจามิน ร.อ.ธรรมนัสรู้จักหรือไม่ นายธนดลกล่าวว่า ทั้งตนและ ร.อ.ธรรมนัสไม่รู้จักบุคคลอีกคนที่ชื่อคล้ายเบนจามิน รวมถึงไม่ทราบด้วยว่าเจ้าตัวเป็นใคร เพราะไม่ได้มีหน้าที่ไปสืบตรงส่วนนั้น
เมื่อถามว่า การออกมาฟ้องในครั้งนี้ สังคมอาจตั้งคำถามว่าเป็นการฟ้องเพื่อปกป้องสิทธิหรือปิดปากนายรังสิมันต์หรือไม่ นายธนดลกล่าวว่า นายรังสิมันต์จะพูดอะไรก็ได้เหมือนเดิม ยืนยันว่าไม่ได้ฟ้องปิดปาก แต่ถ้าพูดอะไร อย่าทำให้ผู้อื่นเสียหาย ซึ่งนายรังสิมันต์ก็ยอมรับว่าเอาข้อมูลมาจากนายทอม ไรท์ ขอถามกลับว่าถ้าข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลปลอมจะรับผิดชอบได้ไหม จึงมีความจำเป็นที่ต้องมาฟ้องศาลเพื่อพิสูจน์ว่าเรื่องที่นายรังสิมันต์เป็นเรื่องจริง