เปิดผลสำรวจ คนไทยมีความเครียดสูง เรื่องงาน-การเรียน
October 19, 2025 07:56 AM

ผลการสำรวจความคิดเห็นเรื่อง “การจัดการความเครียดของคนไทยในยุคดิจิทัล” คนไทยมีความเครียดสูง ส่วนใหญ่วิตกกังกลกับงานและการเรียน สื่อดิจิทัลเป็นทางออกในการกำจัดความเครียด

ผศ.ดร.สานิต ศิริวิศิษฐ์กุล หัวหน้าศูนย์สำรวจความคิดเห็น นอร์ทแบงค็อกโพล มหาวิทยาลัยนอร์มกรุงเทพเปิดเผยว่า จากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน ระหว่างวันที่ 8 - 15 ตุลาคม 2568 จากจำนวน 910 ตัวอย่าง จากกลุ่มตัวอย่างทุกภูมิภาคทั่วประเทศในประเด็น “การจัดการความเครียดของคนไทยในยุคดิจิทัล” ต่อข้อคำถาม

  

โดยรวมแล้ว ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา คุณรู้สึกเครียดบ่อยแค่ไหน พบว่ามีความเครียดบางครั้ง ร้อยละ 36.00 เครียดนาน ๆ ครั้ง ร้อยละ 27.20 เครียดบ่อยครั้ง ร้อยละ 26.40 และเครียดอย่างสม่ำเสมอ ร้อยละ 8.8

แหล่งที่มาของความเครียดหลักของท่าน พบว่าแหล่งที่มาของความเครียดส่วนใหญ่มาจาก งาน/การเรียน ร้อยละ 81.60 การเงิน/หนี้สิน ร้อยละ 44.80 ความสัมพันธ์ในครอบครัว/เพื่อน/คู่รัก ร้อยละ 29.60 สุขภาพของตนเองหรือคนในครอบครัว ร้อยละ 20.80 ข่าวสาร/สถานการณ์สังคมและเศรษฐกิจ ร้อยละ 10.40 และการเปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่นบนโซเชียลมีเดีย ร้อยละ 5.60

  

เมื่อท่านรู้สึกเครียด ท่านมีแนวโน้มจะทำอย่างไร พบว่าส่วนใหญ่เมื่อรู้สึกเครียดจะหาทางออกโดยฟังเพลง/ดูหนัง/ซีรีส์ ร้อยละ 73.40 เลื่อนดูโซเชียลมีเดีย (TikTok, Facebook, Instagram) ร้อยละ 44.80 พบปะพูดคุยกับเพื่อน/ครอบครัว (แบบตัวต่อตัว) ร้อยละ 36.40 ดู YouTube/สตรีมมิง ร้อยละ 33.60 ซื้อของ/ช้อปปิ้ง ร้อยละ 28.00 เล่นเกมบนมือถือ/คอมพิวเตอร์ ร้อยละ 26.00 คุยแชต/วิดีโอคอลกับเพื่อน ร้อยละ 25.80 หางานอดิเรกทำ (ทำอาหาร, ปลูกต้นไม้, วาดรูป) ร้อยละ 24.00 ออกกำลังกาย/เล่นกีฬา ร้อยละ 23.10 หาความรู้/ดูคลิปสอนวิธีจัดการความเครียด ร้อยละ 11.90 นั่งสมาธิ/ฝึกสติ/โยคะ ร้อยละ 9.80 และใช้แอปพลิเคชันจัดการความเครียด (เช่น แอปนั่งสมาธิ) ร้อยละ 1.40

ท่านใช้เวลาเฉลี่ยกับกิจกรรมดิจิทัลเหล่านี้เพื่อ "คลายเครียด" ต่อวันเท่าไร พบว่าส่วนใหญ่จะใช้เวลากับกิจกรรมดิจิทัลเพื่อคลายความเครียด 1- 2 ชั่วโมงต่อวัน ร้อยละ 39.20 ใช้เวลามากกว่า 4 ชั่วโมง ขึ้นไป ร้อยละ 27.20 ใช้เวลา 3 – 4 ชั่วโมง ร้อยละ 23.20 และใช้เวลาน้อยกว่า 1 ชั่วโมง ร้อยละ 10.40

ท่านคิดว่าการใช้โลกดิจิทัล (เช่น โซเชียลมีเดีย, เกม) ช่วยคลายความเครียดได้จริงหรือไม่ พบว่าเห็นว่าช่วยได้บ้าง แต่เป็นเพียงการหลีกหนีชั่วคราว ร้อยละ 56.80 ช่วยได้มาก ทำให้ลืมความกังวลได้ชั่วคราว ร้อยละ 37.60 และไม่ช่วยและบางครั้งทำให้เครียดมากขึ้น (เช่น จากการเห็นข่าวลบ หรือการเปรียบเทียบ) ร้อยละ 5.60

  

อุปสรรคใหญ่ที่สุดที่ทำให้ท่านไม่สามารถจัดการความเครียดได้อย่างมีประสิทธิภาพคืออะไร พบว่าอุปสรรคที่สำคัญในการจัดการความเครียดคือ รู้วิธีแต่ไม่มีแรงจูงใจ ร้อยละ 35.00 ไม่มีเวลา ร้อยละ 29.30 ไม่รู้วิธีที่ถูกต้อง ร้อยละ 18.70 รู้สึกอาย/ไม่กล้าหารือกับใคร ร้อยละ 12.10 และค่าใช้จ่าย (เช่น ค่าคอร์สออกกำลังกาย, ค่าปรึกษาจิตแพทย์) ร้อยละ 4.90

ท่านต้องการได้รับความช่วยเหลือหรือเครื่องมือในรูปแบบใดมากที่สุด เพื่อจัดการความเครียด พบว่าต้องการความช่วยเหลือคือคลิปวิดีโอหรือคอนเทนต์ให้ความรู้บนแพลตฟอร์มเช่น YouTube, TikTok ร้อยละ 46.40 ต้องการแอปพลิเคชันบนมือถือที่ใช้ง่ายและมีคำแนะนำเป็นขั้นตอน ร้อยละ 25.00 การรณรงค์ให้พูดถึงสุขภาพจิตในที่ทำงาน/สถานศึกษาได้อย่างเปิดเผย ร้อยละ 12.10 การเข้าถึงบริการปรึกษาจิตแพทย์ออนไลน์ในราคาที่จ่ายได้ ร้อยละ 10.5 และเวิร์กช็อปหรือคลาสออนไลน์แบบสด (Live Session) ร้อยละ 6.0 ผศ. ดร. สานิตกล่าว
ติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมที่ ผศ. ดร. สานิต ศิริวิศิษฐ์กุล ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นอร์ทกรุงเทพโพล” มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ โทร.029727200-9 ต่อ 330

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.