“เอมิเรตส์” เดินหน้ายกระดับประสบการณ์การเดินทางของผู้โดยสาร เผยทุ่มกว่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ปรับปรุงฝูงบินให้บริการห้องโดยสาร Premium Economy Class ทั่วโลก ทั้งในเครื่องบินแอร์บัส A380-โบอิ้ง 777-300ER-แอร์บัส A350 คาดติดตั้งครบทั้งหมด 219 ลำ รวมเกือบ 2 ล้านที่นั่งภายในสิ้นปี 2568 ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 4 ล้านที่นั่งภายในปี 2569 ตามแผนรีแบรนด์ระดับโลก พร้อมรองรับดีมานด์ผู้โดยสารกลุ่มระดับกลาง-บนที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
นายโมฮัมเหม็ด อัลวาเฮดิ ผู้จัดการประจำประเทศไทย สายการบินเอมิเรตส์ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่าเอมิเรตส์ลงทุนกว่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในการปรับปรุงฝูงบินให้บริการ Premium Economy ทั่วโลก โดยมีแผนปรับปรุงเครื่องบินทั้งหมด 219 ลำ ภายในสิ้นปี 2568 ได้แก่ แอร์บัส A380 ปรับใหม่จำนวน 100 ลำ โบอิ้ง 777-300ER ปรับใหม่ 100 ลำ และแอร์บัส A350 ที่จะทยอยเข้าประจำการอีก 19 ลำ ซึ่งจะเริ่มส่งมอบปลายปีนี้
โดยปัจจุบันมีเครื่องบินที่ติดตั้ง Premium Economy แล้วจำนวน 72 ลำ และจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเดือนละ 2 ลำ คาดว่าภายในสิ้นปี 2568 เอมิเรตส์จะมีที่นั่ง Premium Economy ให้บริการเกือบ 2 ล้านที่นั่ง และเพิ่มเป็น 4 ล้านที่นั่งภายในปี 2569
นายโมฮัมเหม็ดกล่าวว่า การเปิดตัวห้องโดยสาร Premium Economy เป็นส่วนหนึ่งของแผนรีแบรนด์ระดับโลก ที่มุ่งยกระดับประสบการณ์ของผู้โดยสารในทุกระดับ โดยเฉพาะกลุ่มที่มองหาความสะดวกสบายในราคาที่สมเหตุสมผล ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญของเอมิเรตส์ในการขยายฐานลูกค้าทั่วโลก โดยเฉพาะในตลาดที่มีศักยภาพสูงอย่างประเทศไทย
“เราเห็นพฤติกรรมผู้โดยสารเปลี่ยนไป กลุ่มนักเดินทางระดับกลาง-บนเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ที่นั่ง Premium Economy จะตอบโจทย์ผู้โดยสารกลุ่มนี้ ด้วยบริการที่หรูหรากว่า Economy แต่ยังไม่สูงเท่า Business ซึ่งเรามั่นใจว่าตลาดไทยจะตอบรับได้ดี” นายโมฮัมเหม็ดกล่าว
สำหรับห้องโดยสาร Premium Economy บนเครื่องบิน Airbus A380 รุ่นรีโนเวตใหม่นั้น จัดวางในรูปแบบ 2-4-2 มีทั้งหมด 56 ที่นั่ง ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าของชั้นล่าง ออกแบบให้รองรับผู้โดยสารที่ต้องการพื้นที่และความสะดวกสบายมากขึ้น โดยที่นั่งมีความกว้าง 40 นิ้ว เอนเบาะได้ 8 นิ้ว พร้อมเบาะพักขาและพนักพิงศีรษะที่ปรับได้ตามความต้องการ
ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยวัสดุระดับพรีเมี่ยม อาทิ เบาะหนังสีครีมคุณภาพสูง โต๊ะไม้พับ และระบบความบันเทิงบนเครื่องบินรุ่นใหม่ หน้าจอส่วนตัวขนาด 13.3 นิ้ว รองรับ Bluetooth เชื่อมต่อหูฟังไร้สาย พร้อม Wi-Fi ความเร็วสูงในบางเส้นทาง เมนูอาหารบนเครื่องถูกยกระดับให้เทียบเท่าชั้นธุรกิจ เสิร์ฟบนภาชนะกระเบื้องจาก Royal Doulton พร้อมเครื่องดื่มพรีเมี่ยมและไวน์วินเทจคัดสรร
นอกจากนี้ ผู้โดยสารที่เลือก Premium Economy จะได้รับสิทธิพิเศษเพิ่มเติม เช่น เช็กอินและขึ้น-ลงเครื่องก่อน โหลดสัมภาระใต้ท้องเครื่องได้สูงสุด 35 กก. พกพาสัมภาระขึ้นเครื่องได้เพิ่มอีก 10 กก. และที่นั่งกว้างขวาง สะดวกสำหรับเดินทางระยะไกล โดยราคาบัตรโดยสารจะอยู่ระหว่าง Economy และ Business ขึ้นอยู่กับเส้นทางและช่วงเวลาเดินทาง เช่น เส้นทางกรุงเทพฯ-ดูไบ ราคาเริ่มต้นราว 40,000 บาท สำหรับเที่ยวเดียว และอาจปรับตามฤดูกาล
“สายการบินเอมิเรตส์ของเราให้บริการห้องโดยสาร Premium Economy บนเครื่องบิน Airbus A380 โฉมใหม่อย่างเป็นทางการ บนเส้นทางกรุงเทพฯ-ดูไบ ไปตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา” นายโมฮัมเหม็ดกล่าว
นายโมฮัมเหม็ดกล่าวด้วยว่า สำหรับกรุงเทพฯถือเป็นหนึ่งในตลาดยุทธศาสตร์ของเอมิเรตส์ในเอเชีย เนื่องจากเป็นศูนย์กลางด้านการเดินทางและการเชื่อมต่อภูมิภาค ปัจจุบันเอมิเรตส์ให้บริการระหว่างกรุงเทพฯ-ดูไบวันละ 5 เที่ยวบิน แบ่งเป็นแอร์บัส A380 จำนวน 4 เที่ยวบิน และอิ้ง 777-300ER จำนวน 1 เที่ยวบิน สำหรับบริการ Premium Economy ให้บริการในเที่ยวบิน EK372 / EK373 และมีแผนขยายให้ครอบคลุมทุกเที่ยวบินในอนาคต
นอกจากนี้ ยังมีเที่ยวบินจากภูเก็ต-ดูไบวันละ 2 เที่ยวบิน และเที่ยวบินต่อเชื่อมสู่ฮ่องกง ดานัง และเสียมราฐ
นายโมฮัมเหม็ดกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า เพื่อรองรับกลุ่มผู้โดยสารกลุ่มพรีเมี่ยม เอมิเรตส์ได้เปิดตัวห้องพักรับรองพิเศษ (Lounge) ณ อาคาร SAT-1 สนามบินสุวรรณภูมิแล้วตั้งแต่เดือนมกราคม 2568 ที่ผ่านมา ด้วยงบฯลงทุนกว่า 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นเลานจ์ที่ใหญ่ที่สุดของสายการบินเอมิเรตส์ที่อยู่นอกดูไบ
และในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ยังได้เปิด Emirates World Store แห่งแรกในประเทศไทย ณ เกษร วิลเลจ เพื่อมอบประสบการณ์ค้าปลีกแบบลักเซอรี่ พร้อมโชว์เคสเบาะ Premium Economy ของจริงให้ผู้โดยสารทดลองใช้งานอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังเดินหน้าขยายความร่วมมือในภูมิภาค โดยมีข้อตกลง Codeshare กับการบินไทยและ บางกอกแอร์เวย์ส ครอบคลุมกว่า 70 เส้นทาง เช่น เชียงใหม่ สมุย ย่างกุ้ง เสียมราฐ และมัณฑะเลย์ รวมถึงร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในการทำการตลาดและส่งเสริมการขายร่วมกันทั่วโลก เพื่อกระตุ้นนักท่องเที่ยวขาเข้ามายังประเทศไทยในระยะยาว
ขณะเดียวกัน ในปี 2568 นี้ยังถือเป็นวาระครบรอบ 35 ปี ที่เอมิเรตส์ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยและเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยยังคงให้บริการครบ 4 ระดับชั้นโดยสาร ได้แก่ First Class / Business Class / Premium Economy และ Economy Class ทั้งนี้ เพื่อเปิดทางเลือกให้ผู้โดยสารทุกระดับงบประมาณ และมุ่งมั่นเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการบินระดับโลก
