“พิพัฒน์ รัชกิจประการ” รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ลุยตรวจพื้นที่ภูเก็ต เดินหน้าผุดโครงการเร่งด่วนและระยะยาว ยกระดับถนน-รถไฟ-สะพาน-รถไฟฟ้า หวังแก้จราจรติดขัด หนุนศักยภาพเมืองท่องเที่ยวระดับโลก รองรับการเติบโตอย่างยั่งยืน
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวภายหลังลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดภูเก็ต เพื่อติดตามแนวทางแก้ไขปัญหาการจราจรและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งในพื้นที่ ว่า จังหวัดภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกที่สร้างรายได้มหาศาลให้กับประเทศ แต่ระบบขนส่งสาธารณะและเส้นทางจราจรยังไม่สมบูรณ์เพียงพอต่อการรองรับนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งปัญหาหลักอยู่ที่โครงข่ายถนนสายหลักซึ่งมีทางเข้าเมืองเพียงสายเดียว คือทางหลวงหมายเลข 402 ที่มีจุดตัดทางแยกขนาดใหญ่ถึง 13 จุด ทำให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัด โดยเฉพาะช่วงสนามบินถึงตัวเมืองที่ใช้เวลาเดินทางกว่า 2 ชั่วโมง
“รัฐบาลภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยว และวางรากฐานการพัฒนาเศรษฐกิจภาคใต้ให้เติบโตอย่างยั่งยืน กระทรวงคมนาคมจึงลงมือทันทีในการวางแผนพัฒนาภูเก็ตทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพื่อให้เห็นผลเป็นรูปธรรมและเกิดประโยชน์กับประชาชนโดยตรง” นายพิพัฒน์กล่าวต่อและว่า
สำหรับแนวทางระยะเร่งด่วน กระทรวงคมนาคมได้สั่งการให้กรมทางหลวงเร่งปรับปรุงจุดกลับรถบนทางหลวงหมายเลข 402 เพื่อเพิ่มความคล่องตัวของการจราจร พร้อมเดินหน้าโครงการพัฒนาทางเลี่ยงเมืองหมายเลข 4027 ให้เป็นทางเลือกใหม่ในการเข้าสู่ตัวเมือง
โดยมี 3 โครงการสำคัญ คือ
1. ขยายช่องจราจรที่เหลืออยู่ให้ครบ 4 ช่อง ดำเนินการปี 2567-2569
2. พัฒนาเส้นทางเชื่อมถนนแนวใหม่เข้าสู่ท่าอากาศยานภูเก็ตโดยตรง เพื่อแยกกระแสจราจรระหว่างผู้โดยสารและประชาชนทั่วไป เริ่มดำเนินการปี 2568 แล้วเสร็จปี 2571
3. ก่อสร้างถนนสายบ้านป่าคลอก-บ้านบางคู เพื่อเป็นเส้นทางใหม่จากพื้นที่ตอนเหนือเข้าสู่ตัวเมืองภูเก็ต
สำหรับแนวทางระยะยาว นายพิพัฒน์กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงคมนาคมจะบูรณาการการพัฒนาในทุกมิติ ทั้งทางถนน ทางราง และทางอากาศ โดยมอบหมายให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เร่งรัดพัฒนาทางพิเศษสายใหม่ของจังหวัดภูเก็ต ในรูปแบบบูรณาการระหว่างมอเตอร์เวย์และระบบราง (MR-Map) จากท่าอากาศยานภูเก็ตไปยังหาดป่าตองและอำเภอเมือง
โดยจะแบ่งเป็น 2 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 ช่วงกะทู้-ป่าตอง ระยะทาง 3.98 กิโลเมตร เริ่มก่อสร้างปี 2569 เปิดบริการปี 2573 และระยะที่ 2 ช่วงท่าอากาศยานภูเก็ต-กะทู้ ระยะทาง 30.62 กิโลเมตร เริ่มก่อสร้างปี 2570 เปิดบริการปี 2573 เมื่อแล้วเสร็จจะลดเวลาเดินทางจากสนามบินสู่หาดป่าตองจาก 1 ชั่วโมงครึ่งเหลือเพียง 20 นาที
ขณะเดียวกัน ยังมีแผนพัฒนา “สะพานสารสินแห่งใหม่” ในรูปแบบสะพานขึงที่ไม่มีตอม่อในทะเล เพื่อให้เรือสำราญสามารถลอดผ่านไปยังท่าเรือน้ำลึกภูเก็ตได้สะดวก ถือเป็นแลนด์มาร์กใหม่ของจังหวัด พร้อมทั้งเชื่อมต่อโครงการท่าอากาศยานอันดามัน ที่จะเปิดให้บริการในปี 2573
โดยเส้นทางดังกล่าวจะเป็นส่วนหนึ่งของโครงข่าย MR-Map สาย MR9 สุราษฎร์ธานี-ภูเก็ต เชื่อมการเดินทางระหว่างอ่าวไทยและอันดามันอย่างไร้รอยต่อ รวมถึงมีแผนพัฒนาทางรถไฟสายทับปุด-กระบี่ เพื่อเชื่อมโยงภูเก็ต-พังงา-กระบี่ ให้เป็นเครือข่ายคมนาคมเดียวกัน โดยจะเริ่มก่อสร้างในปี 2573 และเปิดให้บริการปี 2577
“หลังจากเราจัดการปัญหาการจราจรระยะสั้นแล้ว เป้าหมายต่อไปคือระบบขนส่งสาธารณะภายในเมืองภูเก็ต ที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน โดยเตรียมพัฒนารถไฟฟ้ารางเบา (Light Rail) จากท่าอากาศยานภูเก็ตถึงห้าแยกฉลอง ระยะทาง 42 กิโลเมตร ในระยะแรกจะให้บริการด้วยรถบัสไฟฟ้า (EV Bus) ก่อน และจะพัฒนาเป็นระบบรางเบาเต็มรูปแบบภายในปี 2574 เพื่อให้ภูเก็ตเป็นเมืองที่เดินทางได้สะดวก ปลอดภัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และรองรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้อย่างแท้จริง” นายพิพัฒน์กล่าวทิ้งท้าย